รวบแล้วคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงหนุ่มใหญ่ ที่แท้คือน้องเมีย ที่ผูกใจเจ็บกันมานาน
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
รวบแล้วคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงหนุ่มใหญ่
ที่แท้คือน้องเมีย ที่ผูกใจเจ็บกันมานาน จากหลายสาเหตุ อีกทั้งเสพยาแล้วมักทำร้ายพี่สาว เรื่องไม่แบ่งเงินค่าแรงช่วยทำสวน
ด้านเมียผู้ตายเผยทั้งน้ำตาน้องชายจบปัญหาเหมือนช่วยพี่สาวขึ้นจากนรก
จากกรณีที่คนงานตัดกิ่งทุเรียนพบศพนายนิวัฒน์ บรรจงการ
ถูกแทงด้วยอาวุธมีดเสียชีวิตอยู่ใต้ต้นทุเรียน ภายในสวน ริมถนนสายหนองหอยโข่ง ม.6 ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อวานที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดจากการลงสืบสวนหาเบาะแสคนร้าย ของชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร นำโดย พ.ต.ต.สกฤชญ(สะ-กิต) สุขนิตย์ สว.สืบสวน สภ.เมืองชุมพร จนทราบว่า ผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุในครั้งนี้ น่าจะเป็นคนใกล้ชิด ซึ่ง 1 ในนั้นคือนายพงศักดิ์ พรหมรัตน์ อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นน้องชายของ นางสังวร บรรจงการ
สนับสนุนโดย อีซูซุสาขาสวีอายุ 57 ปี ภรรยานายนิวัฒน์ บรรจงการ อายุ 55 ปี ผู้ตาย ที่ส่วนใหญ่จะไปไหนมาไหนด้วยกันกับผู้ตาย
และเคยมีปากมีเสียงถึงขั้นเคยจะลงมือฟันกันมาแล้วถึง 2 ครั้ง
แต่ทางญาติๆได้ห้ามปรามไว้ก่อน ด้วยสาเหตุผู้ตายเสพยาบ้าแล้วเกิดอาการหลอน อาละวาด
ทุบตี นางสังวร พี่สาว และยังใช้อาวุธปืนไล่ยิงนายพงศักดิ์ น้องชายภรรยาอีกด้วย
ซึ่งจากการเรียกตัวนายพงศักดิ์ มาสอบสวน ที่ ห้องปฏิบัติการสืบสวน สภ.เมืองชุมพร ในครั้งแรกยังให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ทราบและไม่ได้อยู่ด้วยกับทางผู้ตายในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอโทรศัพท์มือถือมาตรวจสอบ จนพบรูปภาพเป็นอาวุธปืนลูกซองสั้น กุญแจรถและอาวุธมีด ซึ่งอาวุธมีด มี
ลักษณะคล้ายกับที่พบตกอยู่ใต้ต้นมังคุด
ห่างจากที่เกิดเหตุเพียง 30 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้ซักถามและหว่านล้อมอยู่กว่า
2 ชั่วโมง จนในที่สุด นายพงศักดิ์ ยอมเปิดปากรับสารภาพว่า
ตนเอง เป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดเล่มดังกล่าวแทงนายนิวัฒน์ พี่เขยจริง
โดยนายพงศักดิ์ ให้การอ้าง สาเหตุที่ตนเองได้ก่อเหตุ เป็นเพราะผูกใจเจ็บมานาน ในพฤติกรรมของนายนิวัฒน์ พี่เขย ว่าผู้ตายมักจะยิงปืนใส่บ้านนางพันธุ์ทิพย์ หรือทิพย์ พรหมรัตน์ ซึ่งเป็นพี่สาวอีกคนหนึ่งของนายพงศักดิ์ และเคยใช้อาวุธปืนยิงใส่ นายพงศักดิ์ บ่อยครั้ง โดยหลังจากที่ออกจากเรือนจำมาก็ได้มาหาพี่สาวอยู่เป็นประจำ พี่สาวจะบอกกับตนอยู่เป็นประจำว่าช่วงระหว่าง 2 ปีที่ผ่านมา นายนิวัฒน์
ทำร้ายอยู่บ่อยครั้ง และนายนิวัฒน์ เคยมีเหตุชู้สาวกับหลานของตน จนทำให้หลานเกิดความอับอายจนผูกคอตายเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และ ทำสวนทุเรียนในแต่ละครั้งที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ ก็จะได้กำไรจากการขายทุเรียนเป็นจำนวนมาก แต่ไม่เคยแบ่งเงินให้พี่สาวและตน ใช้เลย ทำให้พี่สาวและตนต้อง อยู่อย่างลำบาก
ต้องคอยเก็บกล้วย หมาก
หรือสิ่งอื่นภายในสวนมาขายเพื่อหาเงินใช้เอง
ในขณะที่นายนิวัฒน์ กลับนำเงินกำไรจากการขายทุเรียนไปสร้างบ้านให้น้องสาว
ของนายนิวัฒน์
ที่มาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ซึ่งเป็นญาติของฝ่ายนายนิวัฒน์ โดยไม่ได้คิดว่านายพงศักดิ์
เองก็เป็นญาติของฝ่ายภรรยาของนายวิวัฒน์ เช่นกัน ก็เลยรู้สึกไม่พอใจ
โดยนายพงศักดิ์ ยังให้การอีกว่า เมื่อคืนวันที่ 7
สิงหาคม 2565 เวลาประมาณ สามทุ่มกว่า นางพงศักดิ์
ได้มาหานางสังวร ซึ่งเป็นพี่สาว แต่ไม่มีใครอยู่ที่บ้าน และทราบว่าพี่สาวกับนายนิวัฒน์ ไปงานแต่งงานที่บ้านดอนเมือง จึงนั่งรอที่บ้าน
กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. นางสังวร และนายนิวัฒน์
กลับมาบ้านและนั่งคุยธุระกันสักพัก นายพงศักดิ์ได้ขอตัวกลับ
โดยจอดรถจักรยานยนต์ไว้ให้พี่สาวใช้งาน และจะเดินกลับไปที่ขนำในสวนทุเรียนของพี่สาว
แต่พี่สาวของนายพงศักดิ์ ได้วานให้นายนิวัฒน์
ไปส่งที่พักเพราะที่ดังกล่าวเป็นสวนทุเรียนของพี่สาวของตัวเอง
และนายนิวัฒน์ ก็มักจะไปนอนที่สวนอยู่เป็นประจำ นายพงศักดิ์ จึงโดยสารรถยนต์กระบะของนายนิวัฒน์
ไปยังที่พักในสวนทุเรียน โดยนายนิวัฒน์เป็นผู้ขับ ส่วนนายพงศักดิ์
นั่งเบาะด้านหน้าซ้ายข้างคนขับ แต่เมื่อนั่งรถออกจากบ้านของนายนิวัฒน์ ประมาณ 200 เมตร นายนิวัฒน์ ได้พูดขึ้นว่า
นายพงศักดิ์เป็นภาระของครอบครัวยิงให้ตายเลยดีกว่า แต่ไม่ได้โต้เถียงอะไร
จากนั้นนายนิวัฒน์ ได้จอดรถที่ขอบทางด้านซ้ายและได้หันไปหยิบปืนยาวที่วางอยูที่เบาะหลัง
จึงคิดว่าผู้ตายคิดจะยิง นายพงศักดิ์จริงๆ
จึงใช้มือขวาปัดปืนและใช้มือซ้ายหยิบมีดตัดทุเรียนที่พกติดตัวอยู่เป็นประจำที่เหน็บอยู่บริเวณของสะเอวด้านซ้าย
แทงไปที่ลำตัวผู้ตาย 2 ครั้ง แต่จำไม่ได้ว่าแทงโดนส่วนใดแน่ชัด
และได้ทำการยื้อแย่งปืนนายวิวัฒน์ไม่ให้หันลำกล้องมาทางตนได้ ก่อนจะเปิดประตูรถและวิ่งไปแอบที่ด้านหลังของรถ
ส่วน นายนิวัฒน์ เปิดประตูรถและวิ่งเข้าไปในสวนทุเรียนที่อยู่ห่างจากถนนประมาณ 15 เมตร และได้ล้มลงใกล้ๆต้นทุเรียน
นายพงศักดิ์ ให้การต่ออีกว่า หลังจากนั้นตนเองได้หยิบอาวุธปืนขนาด .22 ของนายนิวัฒน์ ที่อยู่ในรถโดยถอด
แม็กกาซีนออกแล้วไปวางไว้ที่ข้างๆร่างของนายนิวัฒน์ ขณะที่เข้าไปนั้นไม่แน่ใจว่า นายนิวัฒน์ จะสิ้นลมหายใจแล้วหรือไม่
ซึ่งไม่ได้คิดว่าจะยิงหรือแทงซ้ำแต่อย่างใด และเมื่อกลับมาที่รถได้ใช้มีดเล่มที่ก่อเหตุแทงยางรถล้อหลังด้านขวาไป
1 ครั้ง
และได้เอาอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุไปล้างที่ขนำในสวนทุเรียนของพี่สาว
ต่อมาช่วงเช้าของวันเกิดเหตุ
นายพงศักดิ์เล่าว่าตนเองพกอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุไปด้วย
เมื่อถึงที่เกิดเหตุเกรงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะค้นตัวพบมีดที่ใช้ก่อเหตุ
นายพงศักดิ์
จึงได้ขอเจ้าหน้าที่ตำรวจไปปัสสาวะ และนำอาวุธมีดไปทิ้งไว้
บริเวณใต้ต้นมังคุด ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 15 เมตร
เพื่อหนีความผิดแต่ไม่รอดถูกตำรวจตามสืบและนำตัวมาสอบปากคำ
จนถูกได้ในที่สุด
ด้านนางสังวร พี่สาว
หลังทราบว่าคนร้ายคือน้องชายตนเอง
จึงได้เดินทางมา ที่ สภ.เมืองชุมพร พร้อมกล่าวทั้งน้ำตา ว่า
รู้สึกเสียใจที่น้องชายได้ก่อเหตุในครั้งนี้ คงเห็นใจพี่สาว
ที่ถูกพี่เขยทำร้ายอยู่ตลอด ที่ผ่านมาน้องชาย ไม่เคยปริปากพูดอะไรในใจให้ฟัง
มีแต่น้องชายเท่านั้นที่รู้อะไรหลายๆอย่างที่ตนเองต้องอยู่กับความทุกข์ทรมาน
และยิ่งหนักขึ้นทุกวัน
น้องชายจึงหาโอกาสและตัดสินใจลงมือ
โดยน้องชายยอมเป็นคนร้ายฆ่าพี่เขยเพื่อปลดปล่อยความทุกข์ให้กับพี่สาว
เจ้าหน้าที่จึงได้บักทึกปากคำพร้อมให้นายพงศักดิ์ ลงลายมือเซ็นคำให้การทั้งหมด
ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.............................................................................
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น