หญิงป่วยโรครุมเร้าแทบเดินไม่ได้ฝืนทนนาน 3 ปีทำงานไม่ได้ห่วงลูกสาว 2 คนหวั่นขาดโอกาสเรียนต่อ
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
เรื่องราวของชะตาชีวิตครอบครัวหนึ่งถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 29 หมู่ 3 ตำบลครน อ.สวี จ.ชุมพร หลังจากทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีผู้อยู่อาศัยเป็นสามคนแม่ลูกสอง โดยผู้เป็นแม่ป่วยหลายโรครุมเร้าเดิน
แทบไม่ได้บางครั้งอาการกำเริบต้องใช้วอล์คเกอร์ไม้ค้ำยัน 4 ขาช่วยพยุงตัวมานานกว่า 3 ปี ทำงานได้บ้างไม่ได้บ้างเงินเก็บอดออมจากการทำงานและเงินที่มีผู้ช่วยเหลือบริจาคเริ่มร่อยหรอเพราะต้องใช้เงินรักษาตัว เป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน
และค่าเล่าเรียนของลูกสาวทั้งสองคน ซ้ำต้องกัดฟันดิ้นรนสู้ชะตากรรมเพราะลูกสาวคนโตวัย
13ปี ป่วยเป็นออทิสติกเทียมภาวะสมาธิสั้น
ขาดรายได้หวั่นเกรงว่าลูกสาวทั้งสองหมดโอกาสเล่าเรียนต่อ
โดยได้พบนางสาว วรารัตน์ โชติวากุล วัย 32 ปี ขณะทนฝืนขับรถจักรยานยนต์รับลูกสาววัย 8 ขวบ และลูกสาววัย 13 ปี กลับจากโรงเรียน หลังจากนั้นได้เล่าให้ฟังว่า อดีตก่อนตนเองจะมาล้มป่วยก็ทำงานเป็นลูกจ้างทั่วไปรายได้ดี
เนื่องจากตนเป็นคนทำงานขยัน
อดออม ทำงานไม่ค่อยได้พักผ่อน ด้วยเพราะเหตุนี้เมื่อ 3
ปีให้หลังเกิดล้มป่วยด้วยโรค หอบ ลมชัก
ซึมเศร้า ภูมิแพ้หมอนรองกระดูแขนขวาเสียทำงานหนักไม่ได้ และเป็นมะเร็งบริเวณปีกมดลูกต้องฉีดฮอร์โมนไม่สามารถตัดมดลูกได้เพราะปากมดลูกไม่ปกติ
แต่เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมาหนักสุดคือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท จึงทำให้ปัจจุบันมีอาการทรุดลง ส่วนมะเร็งตรวจไม่เจอแล้ว แต่มีก้อนเนื้อโตขึ้นเรื่อยๆโดยหมอจะฉีดฮอร์โมนเพื่อให้ยุบ ประจำเดือนขาดเมื่อตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว ซึ่ง
ก่อนหน้านี้ยังทำงานอยู่ที่แผงทุเรียนละแวกแถวบ้านในตำแหน่งคิวซี
แต่ด้วยมีอาการป่วยเกิดอาการชักในที่ทำงานทางนายจ้างจึงให้ลามาพักฟื้นรักษาตัวที่บ้านให้หายดีค่อยกลับไปทำงานได้เหมือนเดิม
แต่อาการป่วยยังไม่หายจึงไม่กล้ากลับไป
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ต.ค.เดือนที่แล้ว
ไปรอหาหมอกระดูกที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ช่วงรอหมอเกิดอาการชักทำให้หมดสติต้องนอนโรงพยาบาล
2 วัน 3 คืน
ซึ่งยังมีอาการปวดขาชาทั้งสองข้างเดินไม่ได้ก้าวขาไม่ออกบางครั้งปวดมากๆให้ลูกสาวขับรถจักรยานยนต์พาซ้อนท้ายไปฉีดมอร์ฟีน
หรือถ้าวันไหนขยับตัวไม่ได้โทรเรียกรถมูลนิธิให้ช่วยแต่บางทีก็เกิดความเกรงใจ คิดไปว่างานเขาเยอะไม่ได้เรียกใช้ก็มี
หลังจากที่ไม่ได้ทำงานเป็นลูกจ้างจึงทำงานเสริมโดยรับจ้างนวดตามบ้าน แต่หลังจากอาการทรุดเดินทางไม่สะดวกไม่ได้ทำงานอะไรขาดรายได้ ตอนนี้ใช้เงินเก็บออมตอนทำงานได้และเงินช่วยเหลือร่อยหรอลงแต่ยังพอมีบ้าง มีค่าใช้จ่ายในแต่ละวันเป็นค่ายานอกบัญชีเม็ดละ 10 บาท เข็มละ 200 กว่าบาท ต้องชำระเอง ยาในบัญชีฉีดไม่หาย ส่วนการเดินทางไปโรงพยาบาลตามหมอนัดช่วงโรงเรียนปิดเทอมให้ลูกสาวขับรถจักรยานยนต์พาไปแต่ตอนนี้ขอความช่วยเหลือจากนักพัฒนา อบต.ไปรับ-ส่ง เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก
นางสาว วรารัตน์ กล่าวอีกว่า
หลังจากตนเองป่วยยังต้องดูแลลูกสาวคนโตวัย 13 ปีด้วยอีกคนเนื่องจากป่วยเป็นออทิสติกเทียมภาวะสมาธิสั้น ซึ่งรักษามาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป.2 ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.1 อาการดีขึ้นแต่ต้องกินยาวันละ 2 ครั้ง มีไอคิวดี เรียนดี สอบได้อันดับที่ 1 ของห้อง ส่วนลูกสาวคนเล็กวัย 8 ขวบ ปกติดีเป็นคนร่าเริงตามวัย
ขณะนี้ตนเองไม่มีรายได้อะไรกำลังคิดอยู่ว่าอยากมีอาชีพเสริมทำขนมง่ายๆอยู่กับบ้าน
ฝากขายตามร้านค้า ขณะเดียวกันทาง อบต.อยากให้หมอทำบัตรคนพิการให้เนื่องจากถ้ามีบัตรคนพิการทางอำเภอและอบต.จะรับเข้าทำงานได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออยากมีรายได้เพื่อเป็นทุนการศึกษาของลูกสาวทั้งสองคนมีขนมกินเหมือนเพื่อนเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด
เล่าเรียนเก่งทั้งสองคนและขยันไปโรงเรียน
“บางวันตนเองบอกว่าวันนี้ไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียนหยุดเรียนได้ไหม”
ลูกสาวตอบว่า
“ไม่มีเงินกินข้าวไม่เป็นไรแต่ขอไม่หยุดเรียนได้ไหมเดี๋ยวจะเรียนตามเพื่อนไม่ทัน” หลังนางสาว วรารัตน์ เล่าชะตาชีวิตให้ฟัง
หากต้องการให้ความช่วยเหลือนางสาว วรารัตน์ โชติวากุล สามารถติดต่อ โดยตรงได้ที่โทร.063-5274405
.............................................................................................
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น