สาธารณสุขอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร ณรงค์ป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก

รูปภาพ
  สาธารณสุขอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร ณรงค์ป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก วันที่ 19 ก.ย.67.ที่ บริเวณหน้าศาลพ่อตาหินช้าง หมู่ที่  2 ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร   นายสิทธิชัย ชูจีน สาธารณสุขอำเภอท่าแซะเป็นประธานจัดกิจกรรมจิตอาสารณรงค์                 สนับสนุนโดย อีซูซุสาขาสวี ป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก โดยมีนายชัยยุทธ ไชโย ผู้อำนวยการ รพ.สต.สลุย เป็นผู้ดำเนินงานร่วมกับ ฝ่ายปกครองท้องถิ่น ปกครองท้องที่ ทหารตำรวจ  กองอาสารักษาดินแดน(อส.) สังกัด กองร้อยอาสารักษาดินแดน จังหวัดชุมพรที่ 1 อาสาสมัครสาธารณสุข สนับสนุนโดย ร้านเค.เอส.รุ่งเรืองเกษตรภัณฑ์  จิตอาสา บริษัท cpi และเด็กนักเรียน โรงเรียนต่างๆ เข้าร่วม กิจกรรมจำนวนประมาณ 400 คน สาธารณสุขอำเภอท่าแซะ  กล่าวว่า เพื่อดำเนินการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก การเตรียมรับสถานการณ์ การแพร่ระบาดของไข้เลือดออก ในช่วงฤดูฝน และให้มีการทำงางานอย่างต่อเนื่องมีประสิทธิภาพ ตลอดจนกระตุ้นเตือนให้           สนับสนุนโดย เพิ่มพููลคาร์เซ็นเตอร์ ประชาชนในช

หญิงป่วยโรครุมเร้าแทบเดินไม่ได้ฝืนทนนาน 3 ปีทำงานไม่ได้ห่วงลูกสาว 2 คนหวั่นขาดโอกาสเรียนต่อ

 

เรื่องราวของชะตาชีวิตครอบครัวหนึ่งถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 29 หมู่ 3 ตำบลครน อ.สวี จ.ชุมพร หลังจากทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีผู้อยู่อาศัยเป็นสามคนแม่ลูกสอง โดยผู้เป็นแม่ป่วยหลายโรครุมเร้าเดิน

แทบไม่ได้บางครั้งอาการกำเริบต้องใช้วอล์คเกอร์ไม้ค้ำยัน 4 ขาช่วยพยุงตัวมานานกว่า 3 ปี ทำงานได้บ้างไม่ได้บ้างเงินเก็บอดออมจากการทำงานและเงินที่มีผู้ช่วยเหลือบริจาคเริ่มร่อยหรอเพราะต้องใช้เงินรักษาตัว เป็นค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน

สนับสนุนโดย อีซูซุสาขาสวี

และค่าเล่าเรียนของลูกสาวทั้งสองคน ซ้ำต้องกัดฟันดิ้นรนสู้ชะตากรรมเพราะลูกสาวคนโตวัย 13ปี ป่วยเป็นออทิสติกเทียมภาวะสมาธิสั้น ขาดรายได้หวั่นเกรงว่าลูกสาวทั้งสองหมดโอกาสเล่าเรียนต่อ

       โดยได้พบนางสาว วรารัตน์  โชติวากุล วัย 32 ปี  ขณะทนฝืนขับรถจักรยานยนต์รับลูกสาววัย 8 ขวบ และลูกสาววัย 13 ปี กลับจากโรงเรียน หลังจากนั้นได้เล่าให้ฟังว่า อดีตก่อนตนเองจะมาล้มป่วยก็ทำงานเป็นลูกจ้างทั่วไปรายได้ดี

เนื่องจากตนเป็นคนทำงานขยัน อดออม ทำงานไม่ค่อยได้พักผ่อน ด้วยเพราะเหตุนี้เมื่อ 3 ปีให้หลังเกิดล้มป่วยด้วยโรค หอบ ลมชัก  ซึมเศร้า ภูมิแพ้หมอนรองกระดูแขนขวาเสียทำงานหนักไม่ได้ และเป็นมะเร็งบริเวณปีกมดลูกต้องฉีดฮอร์โมนไม่สามารถตัดมดลูกได้เพราะปากมดลูกไม่ปกติ

สนับสนุนโดยร้านเค.เอสรุ่งเรืองเกษตรภัณฑ์

        แต่เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมาหนักสุดคือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท จึงทำให้ปัจจุบันมีอาการทรุดลง ส่วนมะเร็งตรวจไม่เจอแล้ว แต่มีก้อนเนื้อโตขึ้นเรื่อยๆโดยหมอจะฉีดฮอร์โมนเพื่อให้ยุบ ประจำเดือนขาดเมื่อตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว  ซึ่ง

ก่อนหน้านี้ยังทำงานอยู่ที่แผงทุเรียนละแวกแถวบ้านในตำแหน่งคิวซี แต่ด้วยมีอาการป่วยเกิดอาการชักในที่ทำงานทางนายจ้างจึงให้ลามาพักฟื้นรักษาตัวที่บ้านให้หายดีค่อยกลับไปทำงานได้เหมือนเดิม แต่อาการป่วยยังไม่หายจึงไม่กล้ากลับไป

      ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ต.ค.เดือนที่แล้ว ไปรอหาหมอกระดูกที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ช่วงรอหมอเกิดอาการชักทำให้หมดสติต้องนอนโรงพยาบาล 2 วัน 3 คืน  ซึ่งยังมีอาการปวดขาชาทั้งสองข้างเดินไม่ได้ก้าวขาไม่ออกบางครั้งปวดมากๆให้ลูกสาวขับรถจักรยานยนต์พาซ้อนท้ายไปฉีดมอร์ฟีน หรือถ้าวันไหนขยับตัวไม่ได้โทรเรียกรถมูลนิธิให้ช่วยแต่บางทีก็เกิดความเกรงใจ คิดไปว่างานเขาเยอะไม่ได้เรียกใช้ก็มี

สนับสนุนโดย เพิ่มพูลคาร์เซ็นเตอร์.

       หลังจากที่ไม่ได้ทำงานเป็นลูกจ้างจึงทำงานเสริมโดยรับจ้างนวดตามบ้าน แต่หลังจากอาการทรุดเดินทางไม่สะดวกไม่ได้ทำงานอะไรขาดรายได้   ตอนนี้ใช้เงินเก็บออมตอนทำงานได้และเงินช่วยเหลือร่อยหรอลงแต่ยังพอมีบ้าง มีค่าใช้จ่ายในแต่ละวันเป็นค่ายานอกบัญชีเม็ดละ 10 บาท เข็มละ 200 กว่าบาท ต้องชำระเอง ยาในบัญชีฉีดไม่หาย ส่วนการเดินทางไปโรงพยาบาลตามหมอนัดช่วงโรงเรียนปิดเทอมให้ลูกสาวขับรถจักรยานยนต์พาไปแต่ตอนนี้ขอความช่วยเหลือจากนักพัฒนา อบต.ไปรับ-ส่ง เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดเหตุซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก

        นางสาว วรารัตน์  กล่าวอีกว่า หลังจากตนเองป่วยยังต้องดูแลลูกสาวคนโตวัย 13 ปีด้วยอีกคนเนื่องจากป่วยเป็นออทิสติกเทียมภาวะสมาธิสั้น ซึ่งรักษามาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป.2 ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.1  อาการดีขึ้นแต่ต้องกินยาวันละ 2 ครั้ง มีไอคิวดี เรียนดี สอบได้อันดับที่ 1 ของห้อง   ส่วนลูกสาวคนเล็กวัย 8 ขวบ ปกติดีเป็นคนร่าเริงตามวัย

        ขณะนี้ตนเองไม่มีรายได้อะไรกำลังคิดอยู่ว่าอยากมีอาชีพเสริมทำขนมง่ายๆอยู่กับบ้าน ฝากขายตามร้านค้า ขณะเดียวกันทาง อบต.อยากให้หมอทำบัตรคนพิการให้เนื่องจากถ้ามีบัตรคนพิการทางอำเภอและอบต.จะรับเข้าทำงานได้  สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออยากมีรายได้เพื่อเป็นทุนการศึกษาของลูกสาวทั้งสองคนมีขนมกินเหมือนเพื่อนเป็นสิ่งจำเป็นที่สุด เล่าเรียนเก่งทั้งสองคนและขยันไปโรงเรียน  “บางวันตนเองบอกว่าวันนี้ไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียนหยุดเรียนได้ไหม” ลูกสาวตอบว่า “ไม่มีเงินกินข้าวไม่เป็นไรแต่ขอไม่หยุดเรียนได้ไหมเดี๋ยวจะเรียนตามเพื่อนไม่ทัน”  หลังนางสาว วรารัตน์  เล่าชะตาชีวิตให้ฟัง

      หากต้องการให้ความช่วยเหลือนางสาว วรารัตน์ โชติวากุล สามารถติดต่อ โดยตรงได้ที่โทร.063-5274405

.............................................................................................


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชาวบ้านสุดทนสามผัวเมียมั่วสุมเสพยาแจ้งตำรวจช่วยเด็ก 2 คน

เหิมไม่เกรงกลัวกม.ผญบ.เตือนไม่ฟังรุกป่าต้นน้ำปลูกปาล์ม ป่าไม้หญิงสนธิกำลังซุ่มจับคาหนังคาเขา

จ่าทหารขับเก๋งออกจากค่ายจะไปธุระเสียหลักรถตกร่องกลางถนน เหินชนฝั่งตรงข้ามเสียชีวิต