สลดใจ แม่พาลูกชายส่งรักษาบำบัด รพ.รัฐแต่ถูกปฏิเสธ สุดท้ายหลอนผูกคอดับ

รูปภาพ
  สลดใจ แม่พาลูกชายส่ง รพ.รัฐแต่ถูกปฏิเสธ ผลักให้ไปบำบัดยาเสพติดเอกชน ซึ่งต้องจ่ายครึ่งแสน แต่ไม่มีเงิน รอขายผลผลิตจากสวน แต่สุดท้ายลูกชายหลอนผูกคอตายก่อนจะได้รักษา ฉันเจอโปรเด็ดนี้จาก Lazada! มาดูเร็ว! ชื่อสินค้า:  กางเกงคาร์โก้สีดำ 6กระเป๋า ติดแถบสะท้อนแสง2แถบทรงขากระบอกเล็ก เอว28-44นิ้ว พร้อมส่ง ราคาสินค้า:  ฿455 ส่วนลดสินค้า:  ฿455 https://s.lazada.co.th/s.CZhEO?cc             เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 7 มิถุนายน 68 พ.ต.ท.สมบูรณ์ กาญจนะ สว.สอบสวน สภ.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเหตุมีคนผูกคอเสียชีวิต ภายในบ้านหนึ่งำพื้นที่ หมู่ 8 ตำบลปากทรง อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมตำรวจชุดสืบสวน สภ.พะโต๊ะ แพทย์เวร รพ.พะโต๊ะ อาสากู้ชีพกู้ภัย รพ.พะโต๊ะ และหน่วยกู้ชีพกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน            ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ปลูกอยู่ริมถนนหมู่บ้านในแจะ ห่างถนนสายพะโต๊ะ-หลังสวน ประมาณ 12 กม.และห่า...

เปิดใจ! ผู้ปกครองสุดทนพฤติกรรม ผอ.รร.ให้เด็กนักเรียนไปเชิญธงชาติขึ้นเสาท่ามกลางสายฝนที่

 

แชร์สนั่นเฟซบุ๊ค หลังครูผู้น้อยโฟสต์คลิป ผอ.รร.ให้เด็กนักเรียนไปเชิญธงชาติขึ้นเสาท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำตกอย่างหนัก  ในขณะผู้ปกครองและภารโรงสุดทนในพฤติกรรม เปิดหน้าสู้พร้อมขับไล่ไม่เช่นนั้นเด็กน้อยแย่แน่

               จากกรณีที่ครูสาวของโรงเรียนแห่งหนึ่งได้โฟสต์คลิป ผอ.สั่งให้นักเรียนไปเชิญธงชาติขึ้นเสาในช่วงเช้าของวันที่ 16 พฤษภาคม 68 ที่ผ่านมา ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก โดยในคลิปครูผู้น้อยคนดังกล่าวได้ใส่ข้อความว่า “ฝนตกหนักก็ต้องเชิญธงชาติกลัวเขตตำหนิ ห่วงธงแต่ไม่ห่วงเด็ก ความเป็นครูไม่หวัง แต่ความเห็นอกเห็นใจควรมี


นะคะอายุไม่ใช่น้อยๆ ขณะที่ครูทำอะไรก็นึกถึงเด็กก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ ร่มคันเล็กๆ1คัน/เด็ก2คน ถามจริงคิดแล้วหรอคะ ยังไงเด็กก็เปียกและก็เปียกไปทั้งตัว ในฐานะครูในสลายมากกับเหตุการณ์เมื่อวาน ทำเต็มที่แต่ปกป้องเด็กเราไม่ได้เลย เพราะเป็นแค่ครู เราไม่มีอำนาจขนาดนั้นและครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก หนักหนามากๆสิ่งที่ทำกับครูพอทนได้ แต่กับนักเรียนรับไม่ได้ค่ะ แจ้งทางต้นสังกัดไปเรื่องก็เงียบ เราควรปล่อยให้อนาคตของชาติอยู่กับผู้บริหารแบบนี้จริงๆหรอค่ะ”

               นอกจากนี้ยังใส่ข้อความอีกว่า “ถ้าไม่หมดหนทางคงไม่ทำแบบนี้ อยากให้เด็กๆได้รับความช่วยเหลือเพราะเขาคือบุคคลที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ทำยังไงได้บ้างค่ะ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ”

               และหลังจากที่ครูผู้น้อยได้โฟสต์คลิปลงในสื่อโซเชียลไป หลายๆคนที่เห็นโฟสต์ดังกล่าว ต่างได้แชร์กันเป็นจำนวนมากและขยายวงกว้างไป และต่างก็ได้โฟสต์ข้อความและมีคนเข้ามาคอมเม้นท์ด่าทอถึงพฤติกรรมของ ผอ.รร.คนดังกล่าวว่า เสมือนไร้วุฒิภาวะของความเป็นผู้บริหาร

               ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปทำการตรวจสอบพบว่า โรงเรียนที่เป็นกระแสข่าวทางโซเชียลอยู่ในขณะนี้ ซึ่งตั้งอยู่ ม.6 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร เป็นโรงเรียนขนาดกลาง เปิดการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล 1-3 และระดับ ป.1-ป.6 มี

นักเรียนทั้งหมด 85 คน ซึ่งขณะที่ลงพื้นที่พบว่ามีเพียงนักการภารโรง ทราบชื่อภายหลังคือนายโสธร (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี  กำลังปรับปรุงห้องเก็บของอยู่เพียงคนเดียว เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์ โรงเรียนปิด และยังพบว่าบริเวณสนามหญ้าซึ่งมีเสาธงตั้งตระหง่าน หน้าอาคารเรียน ยังเจิ่งนองไปด้วยน้ำฝนที่ท่วมขัง

นักการภารโรง

               โดยนายโสธร ได้เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยวันนั้นได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก มีฟ้าร้องลั่นเป็นระยะ ทำให้เด็กนักเรียน ต้องยืนเข้าแถวบริเวณหน้าห้องเรียน ณ อาคารเรียน กันทุกชั้น โดยตนเองนั้นได้ยืนอยู่ข้างอาคารเรียน และมาสังเกตเห็นน้องนักเรียน จำนวน 3 คน เป็นเด็กผู้ชาย

1 คน และผู้หญิง 2 คน ซึ่งเป็นนักเรียนอยู่ชั้น ป.6 เดินลงมาจากบันไดอาคารแล้วเดินฝ่าสายฝน โดยมีร่มเพียงคันเดียว กาง 3 คนไปที่เสาธง โดยนักเรียนชายและหญิง 2 คนทำหน้าที่เชิญธงชาติขึ้นเสาและเด็กผู้หญิงอีกคน เป็นคนยืนถือร่มให้

เด็กนร.ที่อยู่ในเหตุการณ์

               นายโสธร เล่าต่อว่า ตนเห็นแล้วหดหู่ใจว่า ฝนตกหนักขนาดนี้ ทำไมปล่อยให้เด็กนักเรียนมาเชิญธงชาติขึ้นเสาด้วย รอให้ฝนซาก่อนก็ได้ หลังจากที่คิดก็ต้องเดินไปพร้อมร่มอีก 2 คันไปคอยกางให้ และคอยเงยหน้าดูธงชาติให้ ว่าถึงไหนแล้ว เพื่อจะให้พอดีกับเพลงชาติที่จบลงพร้อมธงสุดยอดเสา ตอนเองยอมรับว่าทำใจไม่ได้ เพราะไม่รู้ฟ้าฝนจะเป็นอย่างไร จะผ่าหรือไม่ แล้วถ้าผ่าลงมาถูกเด็ก แล้วใครจะรับผิดชอบ มันไม่สมควรที่จะปล่อยเด็กให้ออกมากตากฝนเลย แม้จะกางร่มก็ตาม แต่ก็ไม่รอดน้องทั้งสามเปียกปอนไปตามๆกัน

               “ตนเองเป็นศิษย์โรงเรียนนี้ และที่ผ่านมาไม่เคยพบเจอผู้บริหารคนไหน จะกระทำลักษณะนี้เลย และตนเองยอมรับว่า ตั้งแต่ ผอ.คนนี้มาดำรงตำแหน่งอยู่ที่นี้ ครูหลายคนอึดอัดเป็นอย่างมาก เพราะมักจะทำอะไรก็จะให้ได้ดังใจ จะถูกผิดหรือไม่ เขาทำได้รึเปล่า ไม่สนใจ จนครูหลายๆคนขอย้ายไปก็มีและยิ่งมาเรื่องนี้อีก ผู้ปกครองหลายคนพูดในทำนองเดียวกัน คือจะขอย้ายโรงเรียนไปอีกโรงที่อยู่ห่างไป”นายโสธร กล่าว

               ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนักเรียนที่เชิญธงชาติท่ามกลางสายฝน ซึ่งบ้านอยู่ห่างจาก โรงเรียนเพียง 200 เมตร ได้พบ ด.ช.อ้น นามสมมุติ และ ด.ญ.อึ่ง นามสมมุติ คนกางร่มให้ โดยมี น.ส.สายสุนี (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ชาวม.6 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร และ น.ส.รานี (สงวนนามสกุล)อายุ อายุ 40 ปี ชาวม.6 ต.ชุมโค อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งเป็นแม่ของ ด.ช.อ้นกับ ด.ญ.อึ่ง นั่งรอผู้สื่อข่าวอยู่

               โดย ด.ช.อ้น และ ด.ญ.อึ่ง บอกว่า ตนเองทั้งสองยอมรับว่า วันนั้นกลัวมาก แต่ไม่กล้าที่จะปฏิเสธเพราะเกรงว่า ผอ.จะไปต่อว่า คุณครู ของพวกตน ว่าสอนเด็กอย่างไร ทำไมไม่เชื่อฟังคำสั่ง จึงจำต้องกางร่มฝ่าสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเพื่อไปเชิญธงชาติ ตามที่ ผอ.ได้ดึงตัวไป อย่างไม่สมัครใจ และเมื่อไปยืนเชิญธงชาติ ก็กลัวว่าฟ้าจะผ่าลงมาเพราะร่มเป็นเหล็ก ไม่รู้ว่าจะเป็นชนวนล่อฟ้าหรือเปล่า

แม่เด็ก

               ด้าน น.ส.สายสุนี กล่าวว่า ตนเองมารู้หลังจากที่ได้ร่วมประชุมกับ ผอ.รร.แล้ว โดยครูประจำชั้นได้มาบอกว่า เมื่อเช้าได้เกิดอะไรขึ้น และให้ตนเองดูคลิปที่ถ่ายไว้ โดยครูประจำชั้นทั้งเล่าให้ฟังและร้องไห้เพราะสงสารเด็ก และตนรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เห็น มันไม่สมควรจะให้เด็กออกไปแบบนั้น ที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เลย ขนาดผู้ใหญ่ยังไม่กล้าออกไปเดินหรือยืนอยู่กลางสายฝนเลย ถ้าเกิดฟ้าผ่าลงมาใครจะรับผิดชอบ

               น.ส.สายสุนี กล่าวต่อว่า ตนเองเคยเจอพฤติกรรมที่ไม่ดีของผู้อำนวยการคนนี้มาแล้ว ตอนนั้นลูกชายเป็นแผลที่เท้า เวลาไปโรงเรียนจึงไม่ให้รองเท้านักเรียนไปเรียนเหมือนปกติ แต่ผู้อำนวยการคนนี้ กลับไม่ฟังเหตุผล กลับลงโทษด้วยการตีลูกชายตนเอง และอีกหลายๆเรื่องวีรกรรมของผู้อำนวยการคนนี้ ซึ่งผู้ปกครองทุกคนได้พูดคุยกันแล้ว หากไม่ย้าย ผู้อำนวยการคนนี้ไป ก็จะย้ายโรงเรียนกันไปอีกโรงซึ่งอยู่ห่างไปเพียงเล็กน้อย ผอ.เอาใจใส่เด็กดีกว่า แต่ที่ต้องทนตรงนี้ก็เพราะไม่อยากให้โรงเรียนยุบเพราะนักเรียนไม่มี

               ด้าน น.ส.รานี กล่าวสั้นว่า ไม่อยากให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นมาอีก เพราะหากเกิดความสูญเสียแล้วใครจะรับผิดชอบ ทางโรงเรียนดีมากก็ออกมาแสดงความเสียใจก็เท่านั้น ดังนั้นผู้อำนวยการน่าจะปรับตัวให้เข้ากับชุมชนให้ได้ และพรุ่งนี้ทุกคนก็จะไปรวมตัวกันที่โรงเรียนเพื่อขอให้ย้าย ผอ.ไปจากพื้นที่ และขอเปลี่ยน ผอ.ใหม่ที่เข้ากับชุมชนได้ ให้ครบองค์ประกอบคำว่า “บวร”บ้าน วัด โรงเรียน จะต้องอยู่คู่ชุมชน หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความสมบูรณ์ของชุมชนก็จะไม่มี

....................................................................


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สลดใจ แม่พาลูกชายส่งรักษาบำบัด รพ.รัฐแต่ถูกปฏิเสธ สุดท้ายหลอนผูกคอดับ

ผปค.ไม่รับกระเช้าผอ.รร.พร้อมส่งกลับคืน ลั่นไม่ออกจะให้นร.ย้ายออกเอง