ตำรวจท่องเที่ยวระนอง จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ "ยักยอกทรัพย์"

รูปภาพ
ตำรวจท่องเที่ยวระนอง จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ  "ยักยอกทรัพย์" วันที่ 17 มิ.ย.2568 เวลา 20.00 น.ภายใต้การบังคับบัญชาของ พ.ต.ท.วชิรพิศักดิ์ ณ สงขลา สว.ส.ทท.2 กก.2 บก.ทท.3 สั่งการให้ ร.ต.อ.คณิศร บุญสิน  รอง สว.ส.ทท.2 กก.2 บก.ทท.3 พร้อมด้วยชุดสืบสวนระดมกวาดล้างอาชญากรรม ห้วง 14-20 มิถุนายน 2568  โดยบูรณาการร่วมกับชุดสืบสวน สภ.เมืองระนอง  ร่วมกันจับกุม นาย ทวีศักดิ์  อายุ 51 ปี ชาวต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดระนอง ที่ จ.110/2568 ลงวันที่ 30 พ.ค. 2568  ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ยักยอกทรัพย์“ ได้ที่สถานที่เกิดเหตุ (ตามหมายจับ) ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งพื้นที่ ม.3 ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง ภายหลังจับกุม : ได้นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองระนอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 🔵กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ยึดมั่นในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว #สถานีตำรวจท่องเที่ยวระนองชุมพร

สาวใหญ่ลูกจ้างร้านตู้ซักผ้าหยอดเหรียญถอนแจ้งความแล้ว หลังร.ต.อ.พร้อมอดีตเมียหอบหลักฐานชี้แจงเหลือยอดหนี้แค่หกพันจริง

 


สาวใหญ่ลูกจ้างร้านตู้ซักผ้าหยอดเหรียญถอนแจ้งความแล้ว หลังร.ต.อ.พร้อมอดีตเมียหอบหลักฐานชี้แจงเหลือยอดหนี้แค่หกพันบาทไม่ใช่เงินล้านจบปัญหาแล้ว ยันไม่แจ้งความกลับเพราะสงสารเป็นลูกจ้างรายวัน

        จากกรณีสาวใหญ่ลูกจ้างร้านตู้ซักผ้าหยอดเหรียญแจ้งจับตำรวจ ยศ ร.ต.อ.พร้อมเมีย กล่าวหาฉ้อโกงกว่า 1 ล้านบาท โร่แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองชุมพร ตามที่เป็นข่าว



      จากนั้นเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.68 นางขวัญ  พร้อมด้วยอดีตสามีตำรวจยศ ร.ต.อ. สังกัดตร.ภ.จว.ระนอง  ได้หอบเอกสารหลักฐานสำคัญเป็นสลิปการโอนเงินคืนคู่กรณีและบันทึกการหยิบยืมและคืนเงินด้วยลายมือมีรายละเอียดลงวันที่รับจ่ายทั้งหมด และบันทึกการสนทนาระหว่างคู่กรณี มอบให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร หลังตกเป็นผู้ถูก น.ส.อิ่มจิตต์ ฯ อายุ 57 ปี ชาว ต.ตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร


    จนล่าสุดเมื่อวันนี่(14 มิ.ย.) ที่ร้านตู้ซักผ้าหยอดเหรียญ ตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเขตเทศบาลเมืองชุมพร นางขวัญ  พร้อมด้วย ร.ต.อ.อดีตสามีนางขวัญ สังกัดตร.ภ.จว.ระนอง และน.ส.อิ่มจิตต์ฯคู่กรณี ออกมาชี้แจงต่อผ่านผู้สื่อข่าวเพื่อให้สังคมได้รับทราบหลังจากน.ส.อิ่มจิตต์ฯได้ถอนแจ้งความแล้ว และปรับความเข้าใจถึงปัญหาเรื่องเงินที่มีการหยิบยืมเงินตามจริง ไม่ใช่เป็นการฉ้อโกงหรือหลอกลวงแต่อย่างใด


       น.ส.ขวัญฯ แจงว่า เราเคลียร์กันด้วยเอกสารชัดเจนว่ามีเงินที่หยิบยืมทั้งสิ้น 395,080 บาท ก็ได้โอนคืนเข้าในบัญชี น.ส.อิ่มจิตต์ ไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 388,999 บาท ทำให้เงินที่ค้างยืม คงเหลือเพียง 6,081 บาท เท่านั้น หลังจากชี้แจงกันด้วยหลักฐานทำให้น.ส.อิ่มจิตต์เข้าใจถึงยอดคงเหลือที่แท้จริงคือ 6,081 บาท เพราะตอนแรกไม่ได้เช็ครายละเอียดเรื่องยอดเงินจึงมีการเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนกัน

        ด้านร.ต.อ. อดีตสามีนางขวัญ  ชี้แจงว่า มีการเข้าใจคลาดเคลื่อนกันตามสเตทเม้น ในฐานะเข้าของบัญชี ซึ่งได้ให้อดีตภรรยาไปใช้ หลังจากเกิดเรื่องดังกล่าวจนได้รวบรวมหลักฐานและชี้แจงปรับความเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยกัน ระหว่างอดีตภรรยากับผู้แจ้ง หลังจากนั้นได้ลงบันทึกถอนแจ้งความแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้มีการแจ้งความผู้แจ้งไม่ได้เช็ครายการเดิน

บัญชี พอนำเอกสารไปหักล้างกันก็เหลือยอดเงินตามนั้นคือจำนวน 6,081 บาท ซึ่งตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องเรื่องดังกล่าว ถ้าดูตามเอกสารพบว่ามีการชำระเงินและพูดคุยผ่านแชทไลน์กันโดยตลอดไม่ได้หนีหายไปไหน และจะไม่แจ้งความกลับเพราะเกิดความสงสารทำงานเป็นลูกจ้างรายวัน แค่นี้ก็เสียเวลากันมากพอแล้ว  อีกทั้งมีความสนิทสนมกัน ยังมีความรู้สึกดีต่อกัน

       ทางด้านนางขวัญ  ยังเล่าถึงเหตุการณ์หลังตกเป็นข่าวว่า ตนกับอดีตสามี รู้สึกทุกข์ใจมาก เพราะไม่ได้เป็นอย่างที่น.ส.อิ่มจิตต์ให้ข่าว โดนสังคมมองไปในทางไม่ดี และเสียใจที่ดึงอดีตสามีเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ รับว่าอดีตสามีเป็นคนดีไม่เคยสร้างเรื่องเสื่อมเสีย หลังตกเป็นข่าวทำให้อดีตสามีถูกต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง  จึงวอนให้สังคมเข้าใจ วันนี้ความจริงกระจ่างแล้วปัญหาทุกอย่างจบแล้วตนเองรู้สึกสบายใจ”   นางขวัญ กล่าวทั้งน้ำตา

...........................................................


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หนุ่มก่อสร้างซดเหล้าขาววันละ 4 ขวดหายตัว 7 วันพบนอนจมโคลนป่าโกงกาง

สลดใจ แม่พาลูกชายส่งรักษาบำบัด รพ.รัฐแต่ถูกปฏิเสธ สุดท้ายหลอนผูกคอดับ

ชาวบ้านไม่ทนโพสแฉ ผญบ.ร่วมแทงพนันไฮโลกันโจ๋งครึ้มในงานศพ เข้าข่ายผิดทั้งวินัยและอาญา