สาวใหญ่ลูกจ้างร้านตู้ซักผ้าหยอดเหรียญถอนแจ้งความแล้ว หลังร.ต.อ.พร้อมอดีตเมียหอบหลักฐานชี้แจงเหลือยอดหนี้แค่หกพันจริง
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
สาวใหญ่ลูกจ้างร้านตู้ซักผ้าหยอดเหรียญถอนแจ้งความแล้ว
หลังร.ต.อ.พร้อมอดีตเมียหอบหลักฐานชี้แจงเหลือยอดหนี้แค่หกพันบาทไม่ใช่เงินล้านจบปัญหาแล้ว
ยันไม่แจ้งความกลับเพราะสงสารเป็นลูกจ้างรายวัน
จากกรณีสาวใหญ่ลูกจ้างร้านตู้ซักผ้าหยอดเหรียญแจ้งจับตำรวจ ยศ ร.ต.อ.พร้อมเมีย กล่าวหาฉ้อโกงกว่า 1 ล้านบาท โร่แจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองชุมพร ตามที่เป็นข่าว
จากนั้นเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.68 นางขวัญ พร้อมด้วยอดีตสามีตำรวจยศ ร.ต.อ.
สังกัดตร.ภ.จว.ระนอง
ได้หอบเอกสารหลักฐานสำคัญเป็นสลิปการโอนเงินคืนคู่กรณีและบันทึกการหยิบยืมและคืนเงินด้วยลายมือมีรายละเอียดลงวันที่รับจ่ายทั้งหมด
และบันทึกการสนทนาระหว่างคู่กรณี มอบให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร
หลังตกเป็นผู้ถูก น.ส.อิ่มจิตต์ ฯ อายุ 57 ปี ชาว ต.ตากแดด อ.เมือง
จ.ชุมพร ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร
จนล่าสุดเมื่อวันนี่(14 มิ.ย.) ที่ร้านตู้ซักผ้าหยอดเหรียญ
ตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งเขตเทศบาลเมืองชุมพร นางขวัญ พร้อมด้วย ร.ต.อ.อดีตสามีนางขวัญ สังกัดตร.ภ.จว.ระนอง
และน.ส.อิ่มจิตต์ฯคู่กรณี ออกมาชี้แจงต่อผ่านผู้สื่อข่าวเพื่อให้สังคมได้รับทราบหลังจากน.ส.อิ่มจิตต์ฯได้ถอนแจ้งความแล้ว
และปรับความเข้าใจถึงปัญหาเรื่องเงินที่มีการหยิบยืมเงินตามจริง ไม่ใช่เป็นการฉ้อโกงหรือหลอกลวงแต่อย่างใด
น.ส.ขวัญฯ แจงว่า
เราเคลียร์กันด้วยเอกสารชัดเจนว่ามีเงินที่หยิบยืมทั้งสิ้น 395,080 บาท ก็ได้โอนคืนเข้าในบัญชี
น.ส.อิ่มจิตต์ ไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 388,999 บาท
ทำให้เงินที่ค้างยืม คงเหลือเพียง 6,081 บาท
เท่านั้น
หลังจากชี้แจงกันด้วยหลักฐานทำให้น.ส.อิ่มจิตต์เข้าใจถึงยอดคงเหลือที่แท้จริงคือ 6,081 บาท
เพราะตอนแรกไม่ได้เช็ครายละเอียดเรื่องยอดเงินจึงมีการเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนกัน
ด้านร.ต.อ. อดีตสามีนางขวัญ ชี้แจงว่า มีการเข้าใจคลาดเคลื่อนกันตามสเตทเม้น ในฐานะเข้าของบัญชี ซึ่งได้ให้อดีตภรรยาไปใช้ หลังจากเกิดเรื่องดังกล่าวจนได้รวบรวมหลักฐานและชี้แจงปรับความเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยกัน ระหว่างอดีตภรรยากับผู้แจ้ง หลังจากนั้นได้ลงบันทึกถอนแจ้งความแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้มีการแจ้งความผู้แจ้งไม่ได้เช็ครายการเดิน
บัญชี
พอนำเอกสารไปหักล้างกันก็เหลือยอดเงินตามนั้นคือจำนวน 6,081 บาท
ซึ่งตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องเรื่องดังกล่าว
ถ้าดูตามเอกสารพบว่ามีการชำระเงินและพูดคุยผ่านแชทไลน์กันโดยตลอดไม่ได้หนีหายไปไหน
และจะไม่แจ้งความกลับเพราะเกิดความสงสารทำงานเป็นลูกจ้างรายวัน
แค่นี้ก็เสียเวลากันมากพอแล้ว อีกทั้งมีความสนิทสนมกัน
ยังมีความรู้สึกดีต่อกัน
ทางด้านนางขวัญ ยังเล่าถึงเหตุการณ์หลังตกเป็นข่าวว่า
ตนกับอดีตสามี รู้สึกทุกข์ใจมาก เพราะไม่ได้เป็นอย่างที่น.ส.อิ่มจิตต์ให้ข่าว
โดนสังคมมองไปในทางไม่ดี และเสียใจที่ดึงอดีตสามีเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้ รับว่าอดีตสามีเป็นคนดีไม่เคยสร้างเรื่องเสื่อมเสีย
หลังตกเป็นข่าวทำให้อดีตสามีถูกต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง จึงวอนให้สังคมเข้าใจ
วันนี้ความจริงกระจ่างแล้วปัญหาทุกอย่างจบแล้วตนเองรู้สึกสบายใจ” นางขวัญ กล่าวทั้งน้ำตา
...........................................................
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น