คืบหน้าหนุ่มคลั่งอาละวาท-ข่มขู่ ชาวบ้านทั้งซอยสุดทนพฤติกรรม
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
คืบหน้าหนุ่มคลั่งอาละวาท-ข่มขู่ ชาวบ้านทั้งซอยสุดทนพฤติกรรม
จนท.เผยเฝ้าดูใกล้ชิดอยู่ระหว่างบำบัดยาเสพติด
จากกรณีเกิดเหตุหนุ่มวัย
32 ปี มีอาการคลุ้มคลั่งก่อความวุ่นวาย ข่มขู่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนต่างหวาดผวาในพฤติกรรมทั้งซอยประมาณ
7-8 หลังคนเรือนในพื้นที่หมู่ 7
บ้านควนตะล่อม ตำบลนาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร
จนมีการเผยแพร่คลิปวีดีโอขณะก่อเหตุกับบ้านของชาวบ้านและญาติตนเอง แม้ว่าผู้ก่อเหตุจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองอำเภอสวีจับดำเนินคดีในข้อหาอาวุธปืนตามสื่อต่างๆตามที่เป็นข่าวนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00น.วันที่ 14 พ.ย.65 น.ส.นนท์ลภัส ชูสอน ปลัดอาวุโส รักษาราชการแทนนายอำเภอสวี จ.ชุมพร นายบุญก้อง ศรีสงคราม ปลัดหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอสวี นายดารากร จันทนา ปลัดอำเภอสวี และกำลัง อส. นายวัชรินทร์ ทองศิริ กำนันตำบลนาโพธิ์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวี ประกอบด้วย พ.ต.ท.ถิรเดช แข็งแรง
รอง ผกก. สส.สภ.สวี จ.ชุมพร พ.ต.ท.เชิดชัย ยิ่งสังข์ รอง ผกก.ป.สภ.สวี ร.ต.อ.สมคิด
จันนินวงศ์ รอง.สว.สส.สภ.สวี ร.ต.อ.มนูญ รักทอง รอง สวป สภ.สวี นำกำลังเดินทางไปที่โรงพยาบาลสวี อำเภอสวี หลังทราบว่านายเอกพงษ์ หนุ่มคลั่งที่ก่อความวุ่นวายในหมู่บ้านถูกทำร้ายเข้านอนรักษาตัวตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่พบนายเอกพงษ์ หรือปาล์ม อายุ 32 ปี
อยู่ด้านนอกห้องพักผู้ป่วยตึกผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลสวีสวมชุดผู้ป่วยในสีขาวบริเวณศีรษะข้างซ้ายมีบาดแผลปิดด้วยผ้าก๊อตสีขาว
สะพานกระเป๋าข้างลำตัว ข้อเท้าซ้ายติดกำไล EM
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจปัสสาวะ ผลเบื้องต้นไม่พบสารเสพติดในร่างกาย
หลังจากนั้นได้สอบถามนายเอกพงษ์ ให้การว่า เมื่อวานได้เกิดทะเลาะวิวาทกับเพื่อนบ้าน 2 คน จากเรื่องสุนัขของตนได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บที่ขาโดยมีการสอบถามกันและมีปากเสียงกันจนตนเองถูกฟันเข้าที่
บริเวณศีรษะ เมื่อถามว่า ปืนที่ใช้โพสข่มขู่เอามาจากไหน นายเอกพงษ์ บอกว่าเป็นภาพเก่าที่โหลดมาจากเฟซเก่านำมาใช้ ทำเพื่อประชดตัวเองไม่ได้โทษใคร รับปากว่าจะลบโพส “ผมรู้ตัวเองว่าโซไม่ดี แต่คนดีดีทำเหมือนคนโซเหมือนผมไหมช่วยเพื่อน ขายเรียนขายอะไร ไปเตะฟุตบอล ยาก็ไม่เล่น” แล้วแต่เขาแล้วแต่มุมมองแต่ละคน
ส่วนที่ไปอาละวาททำลายข้าวของในร้านค้าที่เป็นญาติของตนเอง นายเอกพงษ์ ยอมรับว่าฟิวขาด
เพราะมีคนมาหาเรื่อง และเรื่องที่ตนเองจุดระเบิดปิงปองนั้น
นายเอกพงษ์ บอกว่าจุดไล่กระรอกในสวนทุเรียน จุดในนา และจุดข้างบ้านตนเอง
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองอำเภอสวีได้ลงพื้นที่เกิดเหตุหมู่
7 ตำบลนาโพธิ์ ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนบางรายบอกว่า
นายเอกพงษ์เพิ่งมีอาการรุนแรงสุดเมื่อ 2-3 วันนี้
โดยมีพฤติกรรมด่าทอ ขู่ยิงให้ตตายโหงทีละตัวเลย
ผู้เดือดร้อนรายอื่นๆ บอกอีกว่า ก่อกวนบางวันเอาปืนมาชักขู่อยู่หน้าบ้านปืนจริงหรือปลอมนั้นก็ไม่รู้
แต่ว่าไม่ได้มาทำลายข้าวของของชาวบ้านในซอย แต่จะทำลายสิ่งของของเขาเองอยู่บริเวณหน้าบ้าน
พอถือโทรศัพท์นายเอกพงษ์ก็กล่าวหาว่าชาวบ้านไปถ่ายรูปเขา โดยจะพูดข่มขู่ยิงรายตัว
เช้าๆจะนั่งกินกาแฟให้สบายใจมีความสุขหน่อยก็ไม่มีเลย
ชาวบ้าน บอกอีกว่า เหมือนกับนายเอกพงษ์ เล่นสงครามประสาทกับชาวบ้านในซอย
คอยสร้างความเดือดร้อนด่าทอโวยวาย
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนายเอกพงษ์ก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเงียบๆไม่โวยวาย
จึงขอถามว่าในเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐจะช่วยอะไรได้บ้าง อยากจะให้เจ้าหน้าที่รัฐนำตัวนายเอกพงษ์
มานั่งคุยกันดีๆกับชาวบ้านเพื่อหาข้อยุติกัน ส่วนนายเอกพงษ์อ้างว่าลูกสุนัขของเขาถูกชาวบ้านทำร้ายได้รับบาดเจ็บนั้นคิดว่านายเอกพงษ์คิดไปเอง
ใครจะไปทำร้ายลูกสุนัขตัวเล้กซึ่งไม่มีพิษสงอะไร
****ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสวีขอชี้แจงตามที่ปรากฎข่าวจากสื่อมวลชนว่า
เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 65 กรณี นายเอกพงศ์ อายุ 32 ปี ชาวบ้าน หมู่ที่ 7 ตำบลราโพธิ์
อำเภอสวี จังหวัดชุมพร มีพฤติกรรมอาละวาด ก่อกวน และก่อให้เกิดความหวาดระแวงของชาวบ้านในพื้นที่
บ้านควนตาล่อม ม.7 ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร ศป.ปส.อ.สวี ขอรายงานข้อเท็จจริง
และผลการดำเนินการ ดังนี้
1.เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 17.00 น. นางสาวนนท์ลภัส ชูสอน ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง(รักษาราชการแทนนายอำเภอสวี) มอบหมายให้นายบุญก้อง ศรีสงคราม ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยสมาชิกอส. ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวี กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เข้าดำเนินการตรวจสอบจากกรณี มีพฤติกรรมก่อกวน อาละวาด ข่มขู่ กลางคืนก็ไม่ยอมหลับนอน รวมถึงมีปากเสียงกับชาวบ้านและบ้านเรือนใกล้เคียงโดย
ตลอด
ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว
จึงขอให้เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ผลจากการดำเนินการ พบนายเอกพงศ์
จึงได้ทำการพูดคุยและทำการขอตรวจค้นตัว แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ
จากนั้นได้ดำเนินการตรวจปัสสาวะ ณ โรงพยาบาลสวี ปรากฏว่าผลเป็นบวก
มีสารเมทแอมเฟตามีนในร่างกาย จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ดำเนินการควบคุมตัวและแจ้งข้อกล่าวหากับนายเอกพงศ์ จากนั้นได้ควบคุมตัวนายเอกพงศ์ ส่ง
พงส.สภ.สวี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
2. เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 20.00 น.
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สวี
ว่ามีชาวบ้านร้องเรียนเรื่อง นายเอกพงศ์ จึงเข้าดำเนินการตรวจสอบอีกครั้ง พบนายเอกพงศ
ได้แสดงหนังสือจากสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดชุมพรสาขาหลังสวน
ว่าตนเองได้เข้าไปพบเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคุมประพฤติ เมื่อวันที่ 19
ตุลาคม 2565 และ
วันที่ 20 ตุลาคม 2565 ทาง
ศป.ปส.อ.สวี ได้ประสานไปยังคุมประพฤติจังหวัดชุมพรสาขาหลังสวน
ทราบว่าศาลพิพากษาจำคุก 1 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้ 2 ปี
กำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติ โดยให้รายงานตัวพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในระยะเวลา
1 ปี ในวันที่ 23 ม.ค. 2566, 28 เม.ย. 2566, 27 ก.ค. 2566, 22 ก.ย. 2566
ห้ามเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกชนิด และคุมประพฤติจังหวัดชุมพรสาขาหลังสวน
ทำหนังสือส่งตัวให้เข้ารับการบำบัดที่โรงพยาบาลสวี รวมทั้งทำงานบริการสังคม
ที่วัดแหลมปอ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร เป็นเวลา 12 ชั่วโมง
3.เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 เวลา 14.00 น.
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสวีได้ลงพื้นที่ติดตามตัวนายเอกพงศ์ในพื้นที่ ม.7
ต.นาโพธิ์และพื้นที่ใกล้เคียง จากการตรวจสอบไม่พบตัว
และทราบข้อมูลจากเพื่อนสนิทที่นายเอกพงศ์ ที่เคยพักอาศัยอยู่ เมื่อวันที่ 19
ตุลาคม 2565 หลักจากที่ได้คืนบ้านเช่าที่พักอาศัยอยู่เดิมกับภรรยาและลูก
ว่าปัจจุบัน นายเอกพงศ์ ได้แจ้งกับตนเองว่า จะนำภรรยาและลูก
เดินทางไปพักอาศัยในพื้นที่อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของบิดา
4. เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สวี
ได้พบตัวนายเอกพงศ์ ในพื้นที่ ม.7 ต.นาโพธิ์ อ.สวี จ.ชุมพร
จึงได้ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ผลปรากฎไม่พบสารเสพติดในร่างกาย
จึงได้แจ้งนัดหมายให้นายเอกพงศ์ ตรวจปัสสาวะทุก 3 วัน ณ กองร้อย อส.อ.สวี ที่ 5
5. ศป.ปส.อ.สวี ได้ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ของนายเอกพงศ์ทุก 3 วัน
โดยได้ตรวจแล้ว จำนวน 5 ครั้ง เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 1,4,8,11 พ.ย. 2565
ซึ่งไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด และครั้งต่อไป กำหนด ในวันที่ 15,18 พ.ย. 2565
..............................................................................
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น