สุดโหดคนร้ายจ่อยิงหัว-เผาร่างคาซากรถชาวเมียนมา 3 ศพ คนไทย 1 ศพ ตร.ระดมกำลังเร่งตามล่ามือยิง
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
สุดโหดคนร้ายจ่อยิงหัว-เผาร่างคาซากรถชาวเมียนมา
3 ศพ คนไทย 1 ศพ
ตร.เร่งตามล่ามือยิง
เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 16 ก.ค.66 พ.ต.ท.พนัส หมุนวงศ์ สว.(สอบสวน)สภ.นาสัก จ.ชุมพร ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุยิงกันในพื้นที่หมู่ 19 (บ้านตาหลัด)ตำบลนาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
นายประยงค์ ผู้เสียชีวิตรายแรก(คนไทย)
พร้อมด้วยพ.ต.อ.จักรา เสาวคนธ์
ผกก.สภ.นาสัก ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจชุมพร
หน่วยอาสากู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะเขตเขาทะลุ เขตสวี เร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จุดเกิดเหตุห่างจากจากถนนสายเอเซีย 41 ประมาณ 10 กม.ของข้างทางเป็นริมป่าเขาการเดินทางเข้าจุดเกิดเหตุค่อนข้างลำบากต้องใช้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น บริเวณริมถนนเล็กๆในหมู่บ้านติดสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน พบร่างผู้เสียชีวิตรายแรกทราบชื่อต่อมาคือนายประยงค์ สมนึก อายุ 60 ปี ชาวบ้านหมู่ 19 ต.นาสัก
ศพที่สองชายชาวเมียนมาไม่ทราบชื่ออายุ
อ.สวี จ.ชุมพร สภาพนอนคว่ำหน้าใกล้เสาไฟฟ้าถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าบริเวณลำตัวและศีรษะกว่า
10 รู โดยศพถูกปิดคลุมด้วยทางมะพร้าวแห้ง
ห่างจากศพผู้เสียชีวิตประมาณ 20 เมตร
เจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนลูกซองสีขาวตกอยู่จำนวน 2 ปลอก
จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ศพที่สองห่างจากศพแรกประมาณ 200-300 เมตร เป็นชายยังไม่ทราบชื่อและอายุแต่คาดเป็นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา ถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าเบ้าตาขวาเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ สภาพนอนตะแคงขาคล่อมอยู่กับรถจักยานยนต์ฮอนด้า
เวฟ ทะเบียน 1กก
5811 ชุมพร ไม่ทราบสีเนื่องจากถูกไฟเผาไหม้เกรียมดำเป็นตอตะโกทั้งคนทั้งรถ
โดยห่างออกไปประมาณ 100 เมตร
พบบ้านไม่มีเลขที่ซึ่งทราบว่าเป็นที่พักของแรงงานชาวเมียนมาไม่พบผู้อยู่อาศัยบริเวณหน้าพบลูกสุนัขนอนตายอยู่
1 ตัว เริ่มมีแมลงวันตอมส่งกลิ่นเหม็นเน่าหึ่ง
สุนัขถูกยิงตายแทนพ่อแม่ลูกที่ย้ายหนีตามไปก่อนหน้านี้
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่พบศพที่ 3 ทราบชื่อต่อมาคือนาย น้อง อายุ 34 ปี เป็นคนงานตัดยางชาวเมียนมา นอนตะแคงสวมเสื้อยืดสีดำ ใส่กางเกงวอร์มขายาวสีดำ สภาพนอนตะแคงจมกองเลือดแห้งกรังอยู่บนแครไม้บริเวณหน้าบ้านปลูก
สร้างเป็นบ้านปูนชั้นเดียวอยู่ท่ามกลางสวนสวนยางพาราเชิงเขาห่างไกลบ้านคน
ถูกยิงด้วยอาวุปืนลูกซองเข้าศีรษะและลำตัวมีบาดแผลหลายรู โดยใกล้ศพพบหมอนรองปลอกกระสุนจำนวน 1 ชิ้นเจ้าหน้าเก็บไว้เป็นหลักฐานและตรวจสอบ
สามพ่อแม่ลูกรอดตายหวุดหวิดย้ายหนีออกมาทันก่อนถูกหสังหาร
และศพที่ 4 ทราบชื่อต่อมาคือนาย นาย อายุ 51 ปี สวมเสื้อยืดสีดำ ใส่กางเกงกีฬาขาสั้นสีดำ ถูกยิงด้วยอาวุปืนชนิดเดียวกัน เข้าที่ศีรษะจนกะโหลกเปิดเห็นมันสมองไหลเยิ้ม นอนหงายจมกองเลือดอยู่บนที่นอนศีรษะยังหนุนหมอนเสีย
ชีวิตภายในบ้านใกล้ศพพบกระสุนลูกปรายตกอยู่บนที่นอนจำนวน
1 เม็ด ตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุภายในบ้านและนอกบ้านไม่พบร่องรอยการต่อสู้
พบเพียงรถจักยานยนต์เก่า และรองเท้าของใช้อื่นยังอยู่ตามปกติ
หลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุแล้วได้ให้กู้ชีพกู้ภัยนำร่างทั้ง
4 รายส่งโรงพยาบาลสวีเพื่อชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบสวนจากพยานแวดล้อมและพยานบุคคลที่เป็นญาติของนายประยงค์ฯผู้เสียชีวิต ทราบเบื้องต้นสันนิฐานว่า ผู้ก่อเหตุคือชายรายหนึ่งซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านรู้กันดีว่ามีพฤติกรรมที่กร่างติดยาเสพติดน่าจะมีอาการหลอนยาเคย
ทุบตีพี่สาวของตัวเองด้วย
และชอบพกอาวุธปืนข่มขู่แรงงานต่างด้าวที่มาทำงานในพื้นที่มาเป็นเวลานาน
อดีตเคยทะเลาะกับนายประยงค์ผู้ตายมาก่อนเรื่องปัญหาที่ดินทำกินแต่ปัจจุบันก็ดีกันแต่ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมกลับมายิงกันตาย
ญาตินายประยงค์คนตาย เล่าอีกว่าก่อนเกิดเหตุพี่ชายตนซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้อง
ได้ขับรถยนต์กระบะออกจากบ้านมาต่อน้ำเข้าใช้ในบ้านหลังจากนั้นก็หายไปตั้งแต่เมื่อคืนว่าที่ผ่านมา
จนกระทั่งได้ออกตามหามาพบเจอเมื่อเวลาประมาณ 07.40 น.วันนี้(16 ก.ค.)
ส่วนรถยนต์กระบะของนายประยงค์ได้หายไปหลักเกิดเหตุคาดว่าคนร้ายรายนี้ใช้ขับหลบหนีออกนอกพื้นที่
ด้านนายบุญเลิศ สายไตร อายุ 59 ปี เจ้าของสวนยางพาราที่เกิดเหตุถูงคนร้ายยิงตายคาบ้านคนงาน 2 ศพ เล่าว่า นายน้องคนที่นอนตายอยู่หน้าบ้านเป็นลูกน้องของตนตัดยางรายได้แบ่งครึ่งกัน เป็นคนขยันทำงาน ทำงานดี ไม่เที่ยว ปกติอยู่ทำงานคนเดียวถ้าวันไหนทำไม่ไหวงานเยอะพี่ชายคนที่ถูกยิงตายในบ้านจะมาช่วยเสร็จงานก็กลับ
ขณะเกิดเหตุตนไม่อยู่เมื่อทราบว่าว่ามีเหตุก็มาดู
รู้สึกเสียใจไม่น่าเกิดเรื่องขึ้น เมื่อ 2 ปีก่อนแรงงานของตนชุดก่อน
ยังเคยถูกคนในหมู่บ้านซึ่งทราบกันดีว่าเป็นใครมาข่มขู่จะตบด้วยปืน และเมื่ออาทิตย์ที่แล้วพี่สาวคนตายโทรศัพท์ไปบอกตนว่าถูกคนไทย
ตนจึงโทรหาผู้ใหญ่บ้านมาช่วยพูดคุยจนไม่มีอะไรกันแล้วแต่ถูกยิงจนได้
ส่วนน.ส.มะลิวรรณ หีตนาคราม อายุ 44 ปี อสม.ในพื้นที่ได้รับสายโทรศัพท์ของนาย แหง่ คนงานตัดยางชาวเมียนมา ขณะอยู่ในที่เกิดเหตุว่า นายแหง่ ภรรยาและลูกสาววัย 3 ขวบ บอกว่าตนและครอบครัว ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันถูกคน
ศพที่สาม นายน้อง อายุ 34 ปีชาวเมียนมาไทยมาขู่ให้ย้ายออกไปไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย โชคดีพาครอบครัวย้ายหนีออกไปทันไม่งั้นถูกฆ่าตายเหมือนกัน ตอนนี้ปลอดภัยดีโดยมาอาศัยอยู่กับพี่สาวใกล้วัดนาสัก
ศพที่สี่นาย นาย อายุ 51 ชาวเมียนมา เสียชีวิตภายในบ้าน
ทางด้านพ.ต.อ.จักรา เสาวคนธ์
ผกก.สภ.นาสัก กล่าวว่า
เบื้องต้นสอบถามญาติของผู้เสียชีวิตที่เป็นคนไทยทราบว่ามูลเหตุน่าจะเป็นเรื่องของสวนยางพารา
แต่ยังหาข้อสรุปถึงมูลเหตุไม่ได้ต้องรอเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอีกครั้ง”ผกก.นาสัก
กล่าว
เบื้องต้นสันนิษฐานการก่อเหตุ ของคนร้ายรายนี้น่าจะมีอาการหลอนยา ประกอบกับเคยตบตีพี่สาวตนเองมีปัญหาเรื่องสวนยางพารากันมาก่อนกับนายประยงค์ และมีพฤติกรรมชอบพกปืนข่มขู่ แรงงานชาวเมียนมาที่มาเป็นลูกจ้างตัดยางพาราในพื้นที่ ก่อนเกิดเหตุคาดว่าหลังจากยิงนายประยงค์เสียชีวิตแล้วขึ้นไปบนสวนยางเพื่อจะยิงสามพ่อแม่ลูกแต่
ไม่พบตัวเพราะย้ายหนีไปก่อนจึงยิงลูกสุนัขตายแทน
หลังจากนั้นไปก่อเหตุยิงคนงานตัดยางของนายบุญเลิศดับ 2 รายคาบ้านขณะนอนหลับ จึงกลับลามาเพื่อหลบหนีแต่ระหว่างทางมาเจอชาวเมียนมาอีกคนขณะขับรถจักยานยนต์คาดมาหาเพื่อนที่ถูกยิงตาย
กลับถูกจ่อยิงหัวตามไปด้วยพร้อมจุดไฟเผาทั้งคนทั้งรถ หลังก่อเหตุยิงดับทั้งหมด 4 ศพก่อนขับรถของนายประยงค์ผู้เสียชีวิตคนไทยหลบหนี
หลังเกิดเหตุเจาหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.นาสักและชุดสืบสวนสอบสวนของหน่วยปฏิบัติการพิเศษจังหวัดชุมพรเร่งวางแผนระดมกำลังออกตามล่าตัวผู้ก่อเหตุรายนี้อย่างเร่งด่วนแล้ว
.........................................................................................................
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น