สะพานท่าเทียมเรือพังเสียหาย ไม่สามารถนำเรือเข้าเทียมท่าเพื่อขนถ่ายสัตว์น้ำ ชาวประมงจึงได้ช่วยกันทำถนนถมลงชายหาด
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
สะพานท่าเทียมเรือพังเสียหาย
ไม่สามารถนำเรือเข้าเทียมท่าเพื่อขนถ่ายสัตว์น้ำ
ชาวประมงจึงได้ช่วยกันทำถนนถมลงชายหาดเพื่อแก้ไขปัญไขปัญหาความเดือดร้อน เจอชาวบ้านอีกกลุ่มไม่พอใจทำลายชายหาดแจ้งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบ
แต่ในที่สุดลงเอ่ยด้วยดี
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 3 กรกฎาคม 66 นายจิรยุทธ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 3 (ปะทิว ชุมพร) พร้อมด้วย นายจักรพงษ์ อดทน ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล จ.ชุมพรน.ท.สุรพงศ์ ยอดเจริญ
ศรชล.จ.ชุมพร ร.อ.กอบศักดิ์ นาคหาญ หัวหน้า ชรต.403 (ชพ)รอง.สว.(ป) กก.5.บก. ปทส. นายทรงสิทธิ์ พุ่มศรี นายก อบต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร และกำลังเจ้าหน้าที่ ร่วมลงตรวจสอบเรื่องร้องเรียนตามที่ได้รับแจ้งจากผู้ไม่ประสงค์
ออกนาม
ว่าบริเวณหาดถ้ำธง หมู่ที่ 3 ต.ปากคลอง
อ.ปะทิว จ.ชุมพร มีการกระทำที่เสี่ยงกระทบทรัพยากรทางทะเลและขายฝั่ง
มีการถมดินทำถนนบริเวณชายหาด , มีการทำบ่อหมักแมงกะพรุน
และ มีการทิ้งกระสอบปุ๋ยบริเวณชายหาด
จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบร่องรอยการนำดินลูกรังมาทำถนนบริเวณชายหาด กว้าง 4 เมตร ยาว 25 เมตร โดยถนนที่ถมคู่ขนาดไปกับสะพานท่าเทียบเรือประมงจริง จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่แจ้งว่า บริเวณที่นำลูกรังมา
ถมทำถนนนี้
ชาวบ้านได้ร่วมกันทำเพื่อใช้ขนถ่ายสัตว์น้ำ
เนื่องจากสะพานปลาชำรุดไม่สามารถใช้งานได้ เมื่อถึงฤดูมรสุมคลื่นในทะเลจะพัดดินที่นำมาถมถนนไป
นอกจากนี้บริเวณชายหาดยังพบบ่อหมักแมงกะพรุน จำนวน 6 บ่อ ตั้งระเกะระกะอยู่ตามชายหาด และโดยรอบของบ่อหมักแมงกะพรุน
มีถุงปุ๋ยภายในบรรจุทราย จำนวนมากวางกระจัดกระจายดูรกสายตา ต่อมาได้มีนางถนอมศรี ชาวหมู่ที่ 3 ต.ปากน้ำ
อ.เมือง จ.ระนอง และ นางมารียำ ชาวหมู่ที่ 3 ต.ปากน้ำ
อ.เมือง จ.ระนอง ได้เดินทางมาแสดงตัวต่อคณะเจ้าหน้าที่
จากการตรวจสอบทางเจ้าหน้าที่ได้ร่วมประชุมหารือปัญหาที่พบเจอในครั้งนี้ ต่างลงความเห็นว่าโดยสรุป
3 ประเด็น คือ 1.กรณีที่มีการถมดิน
หากจะดำเนินการทำถนนในครั้งต่อไป เห็นควรให้ องค์การบริหารส่วนตำบลปากคลอง
ยื่นเรื่องขออนุญาต จากกรมเจ้าท่า เพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้ชาวประมงในพื้นที่
2.ประเด็นบ่อหมักแมงกะพรุน นั้น
แจ้งว่าจะทำการรื้อบ่อหมัก ภายในวันที่ 10 กรกฎาคม 2566 หากไม่ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างชั่วคราวตามวันที่กำหนด
จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
และสำหรับการที่จะมารับซื้อแมงกระพรุนครั้งต่อไป
เห็นควรให้ประสานกับองค์การบริหารส่วนตำบลปากคลอง เพื่อหาสถานที่ที่เหมาะสมในการทำบ่อหมักแมงกะพรุนต่อไป
และ กระสอบบรรจุทราย มอบหมายให้
องค์การบริหารส่วนตำบลปากคลองดำเนินการจัดเก็บอุปกรณ์ที่ทิ้งไว้บริเวณชายหาด
และกำชับให้ผู้ประกอบการดำเนินการเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างออกจากชายหาด
ด้านนางเรณู อายุ 61 ปี ชาวหมู่ที่ 3 ต.ปากคลอง
อ.ปะทิว จ.ชุมพร และ น.ส.กานดา-วสี อายุ 28 ปี ชาวหมู่ที่ 3 ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร เปิดเผยว่า
การที่มีชาวบ้านบางรายที่แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบนั้น หากมองอีกด้าน ก็ถือว่า
เพราะจะได้รู้ถึงความเดือดร้อนของชาวประมง ที่ต้องขนถ่ายสัตว์น้ำลงจากเรือ
นำขึ้นไปบนฝั่ง นั้นลำบากเพียงไหน หลังจากที่สะพานท่าเทียบเรือแห่งนี้พังเสียหายมานานเกือบ
10 ปี ชาวประมงก็ต้องช่วยกันสมทบเงินจ้างรถดั๊มบรรทุกดินมาทำถนนเพื่อแก้ไขความเดือดร้อน
ซึ่งก็จะถมดินแบบนี้ทุกปี
เนื่องจากไม่รู้ว่าจะได้สะพานใหม่เมื่อไหร่
ส่วน นายจิรยุทธ์
รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 3 (ปะทิว ชุมพร) กล่าวว่า จากการลงตรวจสอบ ยอมรับ
เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจกลุ่มชาวประมง ที่ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ากันเอง
ซึ่งในที่ประชุมหารือ ก็สามารถหาทางออกได้อย่างนิ่มนวล แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไป
เพราะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากนัก และก็ถือว่าเอาปัญหาวันนี้
ไปแก้ไขให้ดีขึ้นในวันหน้าหากจะดำเนินการอะไรก็ต้องขอให้ถูกต้องและจัดให้เป็นกิจลักษณะไม่ให้กระทบสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติร่วมถึงสังคมชุมชนด้วย
ในขณะที่ นายทรงสิทธิ์ พุ่มศรี นายก อบต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร กล่าวว่า ตนเองไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งนายก อบต.ปากคลอง ก็พยายามทำเรื่องขอสะพานท่าเทียบเรือให้กับชาวประมงอยู่ตลอด แต่ไม่รู้ว่า
เป็นเพราะด้วยสาเหตุใด เรื่องหายไปทุกครั้ง แม้บางครั้ง จะมีเจ้าหน้าที่ของเจ้าท่าและของกรมประมง มาดูและพูดคุยกันสอบถามถึงความเดือดร้อน ความต้องการ ความจำเป็น เมื่อกลับไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเดิม ทั้งที่ชุมชนตรงนี้ยึด
อาชีพทำประมงเกือบ 100%และมีเรือทั้งขนาดใหญ่ กลางไปถึงเล็ก เกือบ 100 ลำ สะพานปลาแห่งนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างมาก จึงอยากวอนให้ภาครัฐช่วยเห็นใจในความเดือดร้อนของชาวประมงบ้านปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ด้วย
.................................................................................
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น