รวบหนุ่มเมียนมา ขนแรงงานเถื่อนอัดแน่นกระบะ 13 ชีวิตกลางดึก

รูปภาพ
  รวบหนุ่มเมียนมา ขนแรงงานเถื่อนอัดแน่นกระบะ 13 ชีวิตกลางดึก ตำรวจทางหลวงชุมพร สกัดจับรถกระบะต้องสงสัยบนถนนทางหลวงเอเชีย (ทล.41) กม.24 ตำบลครน อำเภอสวี จังหวัดชุมพร หลังพบขับแซงช่องขวา กระจกติดฟิล์มทึบ และท้ายรถคลุมมิดชิด เมื่อตรวจสอบด้วยไฟฉายพบมีคนนั่งอัดแน่นเต็มคัน จากการตรวจสอบพบคนขับเป็นชายสัญชาติเมียนมา และมีแรงงานต่างด้าวเพื่อนร่วมชาติอีก 13 คน โดยทั้งหมดไม่มีเอกสารอนุญาตเข้าประเทศ จึงควบคุมตัวส่ง สภ.สวี สอบสวนเบื้องต้น คนขับสารภาพว่ารับการติดต่อจากนายหน้าชาวมอญในพื้นที่จังหวัดชุมพรให้ไปรับแรงงานผิดกฎหมายที่ตำบลขุนกระทิง อำเภอเมืองชุมพร เวลาประมาณตี 2 ของวันที่ 24 ส.ค. 2568 ก่อนลักลอบขนไปส่งยังอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยจะได้ค่าจ้าง 12,000 บาท เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือคนต่างด้าวที่เข้ามาโดยผิดกฎหมาย” พร้อมนำผู้ต้องหา รถกระบะ และแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สวี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

เจ้าของอู่ซ่อมรถร้องคู่กรณีรับผิดชอบค่าเสียหายกว่า 5 ล้านบาท หลังล้งทุเรียนกำลังก่อสร้างหักโค่นทับพังยับ 7 ชีวิตหวิดดับ

 

เจ้าของอู่ซ่อมรถร้องคู่กรณีรับผิดชอบค่าเสียหายกว่า 5 ล้านบาท หลังล้งทุเรียนกำลังก่อสร้างหักโค่นทับพังยับ 7 ชีวิตหวิดดับ ต้องอาศัยหลับนอนในรถตู้ คาดโครงสร้างไม่ได้มาตรฐาน จี้หน่วยงานรัฐเร่งตรวจสอบ

          วันที่ 19 ก.ย.66 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายไพโรจน์  อ้นทอง  อายุ 50 ปี เจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์รุ่งโรจน์การช่าง ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย 41 เลขที่ 256 หมู่ 7 ตำบลนาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร ว่าเกิดเหตุโครงสร้างของล้งทุเรียนขณะอยู่ใน

สนับสนุนโดย อีซูซุสาขาสวี

ระหว่างการก่อสร้างล้มทับอู่ซ่อมรถยนต์และบ้านพักพังเสียหายไม่สามารถประกอบกิจการและพักอาศัยอยู่ได้ ครอบครัวต้องอาศัยอยู่ในเต้นท์ชั่วคราวและหลับในรถยนต์ หลังเกิดเหตุยังไม่มีการเจรจาตกลงค่าเสียหายกับคู่กรณีโดยอ้างว่ายังไม่ว่าง  เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม


         ต่อมาวันเดียวกันทีมข่าวได้เดินทางไปยังอู่ดังกล่าว เพื่อตรวจสอบความเสียหาย โดยพบนายไพโรจน์ เจ้าของอู่ พร้อมด้วยนางมยุรา  อ้นทอง อายุ 53 ปี ภรรยา และร.ต.อ.ธนรง  ชื่นรติกาล  อายุ 69 ปี อดีตข้าราชการตำรวจซึ่งเป็นพี่ชายของเจ้าของอู่

สนับสนุนโดยร้านเค.เอสรุ่งเรืองเกษตรภัณฑ์

           จากการตรวจสอบพบว่าสภาพของอู่ดังกล่าวถูกเสาเหล็กรางตัวยูขนาดใหญ่ของล้งทุเรียนที่อยู่ในระหว่างกำลังก่อสร้างน้ำหนักต้นละเกือบ 2 ตัน จำนวน 5 ต้น เอียงล้มทับพังเสียหายทั้งหลัง กระเบื้องและโครงสร้างหลังคาเหล็กหัก


แตกกระจัดกระจายเกลื่อน อุปกรณ์ช่างได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด อีกทั้งยังมีสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้านเสียหายเช่นกัน ส่วนด้านหลังของอู่เป็นเรือนไม้ทรงไทยถูกเสาเหล็กลงฟาดพังยับเสียหายทั้งหลัง

สนับสนุนโดย เพิ่มพูลคาร์เซ็นเตอร์

       นายไพโรจน์  เจ้าของอู่และเจ้าของบ้าน เล่าว่า  “เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมาขณะที่ตนและช่างซ่อมรถรวม 7 คน กำลังหยุดพักเที่ยง พอดีมีลูกค้าเข้ามาเรียกใช้บริการจึงพร้อมทีมช่างเดินออกไปบริเวณด้านหน้าอู่ ขณะนั้นมี


ลมกรรโชก 2 ครั้ง มีเสียงดังสนั่นตอนแรกคิดว่าถังแก็สระเบิด แต่พบว่าเสาเหล็กจำนวน 18 ต้นและโครงหลังคาเหล็กของล้งทุเรียนขณะอยู่ในระหว่างการก่อสร้างอยู่ติดกับอู่เกิดล้มพังเครือลงมาทับทำให้อู่และบ้านพักอยู่ในที่เดียวกันพังยับเยิน หลังเกิดเหตุพอตนตั้งสติได้ก็โทรหาตำรวจและกู้ภัย โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

      หลังจากนั้นได้โทรศัพท์ติดต่อเจ้าของสถานที่ก่อสร้าง แต่ได้รับคำตอบว่ายังไม่สะดวกคุยติดงานศพอยู่ที่จังหวัดน่าน โดยปัดความรับผิดชอบให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างคุยแทนแต่สรุปว่านัดเจรจาค่าเสียหายในช่วงเย็นของวันนี้( 19 ก.ย.) ที่สภ.บ้านในหูต


        สำหรับค่าเสียหายนั้นประเมินเบื้องต้นโดยวิศวกรว่าบ้านเสียหายทั้งหลัง ต้องสร้างใหม่ทั้งหมด มีอะไหล่และสิ่งของต่างๆถูกน้ำเสียหาย เนื่องจากหลังเกิดเหตุหลังคาพังฝนตกหนัก ยังมีรถลูกค้า 2 คัน ได้รับความเสียหายแต่เพียง



เล็กน้อยเท่านั้น ค่าเสียหายเฉพาะตัวบ้านประมาณ 4 ล้านบาท รวมอุปกรณ์ช่าง สิ่งของเครื่องใช้ และค่าขาดโอกาสประกอบกิจการประมาณ 5-6 เดือนรวมค่าเสียหายทั้งสินประมาณ 5-6 ล้านบาท เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คาดว่าเป็นเพราะโครงสร้างของล้งทุเรียนไม่แข็งแรงพอที่จะรับลมได้”


     ขณะที่ร.ต.อ.ธนรง พี่ชาย นายไพโรจน์ กล่าวว่า วอนให้หน่วยงานราชการเข้มงวดในการควบคุมการก่อสร้างอาคาร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อนในภายหลังอีก ต่อมาได้พาทีมข่าวไปตรวจดูเสาเหล็กที่เกิดเหตุพบว่าโคนเสาก่อฐานด้วยปูนซิเมนส์เท่าขนาดของเสาเหล็กโดยมีน๊อตยึดเพียง 6 ตัว ซึ่งไม่ใช่ขนาดของน๊อตที่มารับกับน้ำหนักของเสาเหล็กขนาดใหญ่ ผู้รับเหมาไม่รอบคอบ ไม่ละเอียดในการทำงาน ตนไม่ใช่วิศวกรแต่ก็มองออก”  ตำรวจวัยเกษียณกล่าว

........................................................................................


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รวบสามผู้ต้องหาพร้อมยาบ้า 3แสนลอบขนมากับรถทัวร์โดยสาร

สั่งปิดโรงเรียนผู้ปกครองเครียดบุตรไร้ที่เรียนครูหอบเด็กเช่าห้องแถวสอน