จับแล้ว! ขรก.ทหารวัยเกษียณยิงสองผัวเมียข้างห้องแถว ดับ1 เจ็บ 1 เปิดคำสารภาพ

รูปภาพ
        จากกรณีเมื่อเช้าวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสฤษดิ์ หรือโอ๋ (สงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี อดีตข้าราชการทหารอากาศวัยเกษียณ ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยาวขนาด .22 ยิงนางสาวจิราวรรณ(สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปีเสียชีวิต และนายสุรพจน์ (สงวนนามสกุล)อายุ 53 ปี บาดเจ็บ สองผัวเมียข้างห้องแถวเดียวกัน  เหตุเพราะระหกระแหงมีปากเสียงกันมานาน อ้างว่าเรื่องจอดรถติดเครื่องนานมีกลิ่นควันเหม็นและอื่นๆตามประสาบ้านใกล้เรือนเคียง สุดทนจึงก่อเหตุตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ถูกยิงบาดเจ็บ       ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ต.สมคะเน โพธิ์ศรี ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.ธงชัย  นุ้ยเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร   พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร    นำโดย พ.ต.ต.ปิยพล ฉัตรภูมิ สว.สส.สภ.เมืองชุมพร   พร้อมด้วย ร.ต.อ.สรายุทธ ส้มเขียวหวาน ร.ต.ท.ศุภภณ แสงสุริย์   ร.ต.ท.วิโรจน์ ปฏิแพทย์   ด.ต.อนันต์ ธนูศิลป์   ด.ต.เพชรภูมิ  เพชรบูรณ์ , ด.ต.สมศักดิ์ ศรีมงคล   ด.ต.สมชาติ ยังวัฒนา ...

สส.วิชัยยื่นมือช่วย หลังชุมชนสะพานปลาร้องทุกข์ อ้างถูกเอาเปรียบของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจนาน 30 ปี

 

ชุมชนสะพานปลาร้องทุกข์กับสส.หลังถูกเอาเปรียบของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจนาน 30 ปี ได้รับความเดือดร้อนจากที่ดินทำกิน-อยู่อาศัยโดยเก็บค่าเช่าอย่างไม่เป็นธรรม

       วันที่ 9 ธ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิชัย  สุดสวาทดิ์  สส.เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ  เดินทางลงพื้นที่ศาลาชุมชนบ้านจัดสรรหรือชุมชนสะพานปลา หมู่ 8 ตำบลปากน้ำ อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร พบนายสมศักดิ์  ชุมพล  ผู้ใหญ่บ้าน

หมู่ 8 ตำบลปากน้ำ พร้อมด้วย นายธนวัฒน์  แจ่มแจ้ง  กำนันตำบลปากน้ำ  นายสมพงษ์  พ่วงสะอาด  ผู้ประกอบการและตัวแทนชาวบ้านหมู่ 8 ตำบลปากน้ำประมาณ 30 คน เพื่อรับหนังสือร้องเรียนร้องทุกข์  

       เนื่องจากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเรื่องถูกหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งเข้ามาจัดสรรที่ดินสาธารณะให้เช่าโดย

สนับสนุนโดย อีซูซุสาขาสวี

เก็บค่าเช่าอย่างไม่เป็นธรรมโดยมีผู้ประกอบการประมง  รถจักยานยนต์รับจ้าง  ร้านค้าชุมชนชาวบ้านที่อยู่อาศัยได้รับความเดือดร้อนเป็นลูกโซ่นานกว่า 30 ปี

       นายสมศักดิ์  ชุมพล  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ตำบลปากน้ำ  กล่าวว่า ก่อนอื่นขอบคุณสส.วิชัย เดินทางเพื่อรับเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้านของชุมชนสะพานปลาที่ดินทำกินและอยู่อาศัยซึ่งมีการเก็บค่าเช่าโดยและสัญญาไม่เป็นธรรมจากหน่วยงาน

ที่ดูแลเป็นรัฐวิสาหกิจ ปัญหาดังกล่าวมีมานาน 30 ปียังไม่ได้การแก้ไข เจ้าของกิจการบางรายและการขึ้นปลาที่ท่าเทียบเรือประมงต้องปิดตัวลง เพราะค่าเช่าแพง ขึ้นค่าระวาง 100 เปอร์เซ็นจากค่าเช่าเดิม ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวชาวประมงรับ

สนับสนุนโดยร้านเค.เอสรุ่งเรืองเกษตรภัณฑ์

ไม่ได้ ทำให้การเข้าใช้ท่าเทียบเรือประมงต้องย้ายไปที่อื่นทำให้ผลประโยชน์ด้านรายได้ของชุมชนกระทบกันเป็นลูกโซ่

        โดยเฉพาะโรงน้ำแข็งรายใหญ่ในพื้นที่ต้องปิดกิจการไปบางส่วนเพราะแบกรับภาระค่าเช่าพื้นที่และอื่นๆไม่ไหว จึงฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่สส.มารับเรื่อง  ด้านอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความสนใจกับปัญหา

ที่เกิดขึ้น โดยบทสรุปของเรื่องนี้คือ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจนำที่ดินสาธารณะประโยชน์ป่าโกงกางมีความชอบธรรมแค่ไหนมาให้เช่าโดยไม่มีสัญญาต่างๆและสัญญาเรียกเก็บซ้ำซ้อนหมายความว่า 1.ถ้าทำสัญญาต้องเสียค่าประกันสัญญา

สนับสนุนโดยเพิ่มพูลคาร์เซ็นเตอร์.

15,000 บาท  และค่าใช้ผลประโยชน์ในที่ดินจำนวน 2 เปอร์เซ็นต์ของค่าเช่า  และขึ้นค่าเช่า 15 เปอร์เซ็นต์ทุกๆสัญญา” ผู้ใหญ่บ้านกวล่าว

        ด้านนายสมพงษ์  พ่วงสะอาด  ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบกับปัญหา กล่าวว่า ในฐานะเป็นผู้เช่าพื้นที่องค์การสะพานปลามา 30 ปี เช่าเป็นพื้นที่ว่างเปล่าปลูกสร้างเป็นสถานที่ขึ้นปลาเสียค่าเช่าเดือนละ 4,000 กว่าบาทและจะถูกขึ้น

ค่าเช่า 3 ปี ขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ทุกครั้งได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ขณะนี้ปัญหาเกิดขึ้นแล้วเมื่อเรือขึ้นปลาย้ายไปที่อื่นซึ่งเป็นท่าเทียบเรือของเอกชนโดยมีค่าใช้จ่ายน้อย บางครั้งแทบไม่เสียเงินเลยแต่อาจจะมีข้อแลกเปลี่ยนโดยเอาปลาไก่แลกกัน

ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ตำบลปากน้ำ

          ผู้ประกอบการรายนี้ กล่าวอีกว่า แต่ถ้าเอาเรือเทียบท่าที่องค์การสะพานปลา อย่างต่ำเสียเงินประมาณ 6,000-7,000 บาท แม้เรือที่จอดเทียบสะพานปลาใช้ไฟฟ้าต้องเสียค่าไฟจำนวน 500 บาท ให้กับองค์การสะพานปลา กระทั่งรถแม่ค้าพ่อค้ามาซื้อปลาต้องเสียค่าผ่านทั้งสิ้น รถน้ำมันผ่านเข้ามาองค์การสะพานปลาเพื่อลงเรือโดนเก็บลิตรละ 10 สตางค์  มองว่าองค์การสะพานปลาเอาเปรียบชาวบ้านมากเกินไป  อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่ใช่ขององค์การสะพานปลา แต่เป็นพื้นที่หลวงพื้นที่สาธารณะประโยชน์ ทั้งนี้ต้องการให้โอนพื้นที่ให้ท้องถิ่นดูแลทำประโยชน์เพื่อนำมาพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป”

            ทั้งนี้ด้านนายวิชัย  กล่าวหลังได้รับหนังสือร้องเรียนว่า  ตนจะได้นำเรื่องปัญหาที่รับมาปรึกษากับรัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรฯซึ่งเป็นคนในพรรค  หัวหน้าและเลขาฯ เพราะอย่างน้อยได้มาช่วยกันแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน ทราบข้อมูลว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่หลวง (น.ส.ล.) จังหวัดซึ่งมอบให้หน่วยงานรับผิดชอบ แต่ไม่สมควรมาเก็บค่าเช่านำความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนซึ่งค่าเช่าเดือนละ 4,000-5,000 บาท ถือว่าหนักกว่าเช่าที่อื่น และเรื่องนี้ไม่เคยทราบปัญหามาก่อนเมื่อทราบแล้วพร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไป” สส.วิชัยกล่าว

      ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องชี้แจงต่อผู้เช่าพื้นที่ พร้อมทั้งหน่วยงานรัฐซึ่งเป็นแกนกลางระหว่างผู้ให้เช่าและผู้เช่าเพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างเป็นธรรมกันทุกฝ่าย ขณะเดียวกันเรื่องดังกล่าวอยู่ในระหว่างหารือบ้างแล้วบางส่วนซึ่งผลสรุปสุดท้ายจะเป็นเช่นไรนั้นรอติดตามต่อไป

........................................................................


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หนุ่มก่อสร้างซดเหล้าขาววันละ 4 ขวดหายตัว 7 วันพบนอนจมโคลนป่าโกงกาง

ร.ท.ทหารเรือวัยเกษียณ เลือดร้อน ฉุนเพื่อนบ้านยิงผัวเจ็บเมียดับ

สลดใจ แม่พาลูกชายส่งรักษาบำบัด รพ.รัฐแต่ถูกปฏิเสธ สุดท้ายหลอนผูกคอดับ