สาธารณสุขอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร ณรงค์ป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก

รูปภาพ
  สาธารณสุขอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร ณรงค์ป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก วันที่ 19 ก.ย.67.ที่ บริเวณหน้าศาลพ่อตาหินช้าง หมู่ที่  2 ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร   นายสิทธิชัย ชูจีน สาธารณสุขอำเภอท่าแซะเป็นประธานจัดกิจกรรมจิตอาสารณรงค์                 สนับสนุนโดย อีซูซุสาขาสวี ป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก โดยมีนายชัยยุทธ ไชโย ผู้อำนวยการ รพ.สต.สลุย เป็นผู้ดำเนินงานร่วมกับ ฝ่ายปกครองท้องถิ่น ปกครองท้องที่ ทหารตำรวจ  กองอาสารักษาดินแดน(อส.) สังกัด กองร้อยอาสารักษาดินแดน จังหวัดชุมพรที่ 1 อาสาสมัครสาธารณสุข สนับสนุนโดย ร้านเค.เอส.รุ่งเรืองเกษตรภัณฑ์  จิตอาสา บริษัท cpi และเด็กนักเรียน โรงเรียนต่างๆ เข้าร่วม กิจกรรมจำนวนประมาณ 400 คน สาธารณสุขอำเภอท่าแซะ  กล่าวว่า เพื่อดำเนินการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก การเตรียมรับสถานการณ์ การแพร่ระบาดของไข้เลือดออก ในช่วงฤดูฝน และให้มีการทำงางานอย่างต่อเนื่องมีประสิทธิภาพ ตลอดจนกระตุ้นเตือนให้           สนับสนุนโดย เพิ่มพููลคาร์เซ็นเตอร์ ประชาชนในช

สส.วิชัยยื่นมือช่วย หลังชุมชนสะพานปลาร้องทุกข์ อ้างถูกเอาเปรียบของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจนาน 30 ปี

 

ชุมชนสะพานปลาร้องทุกข์กับสส.หลังถูกเอาเปรียบของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจนาน 30 ปี ได้รับความเดือดร้อนจากที่ดินทำกิน-อยู่อาศัยโดยเก็บค่าเช่าอย่างไม่เป็นธรรม

       วันที่ 9 ธ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิชัย  สุดสวาทดิ์  สส.เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ  เดินทางลงพื้นที่ศาลาชุมชนบ้านจัดสรรหรือชุมชนสะพานปลา หมู่ 8 ตำบลปากน้ำ อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร พบนายสมศักดิ์  ชุมพล  ผู้ใหญ่บ้าน

หมู่ 8 ตำบลปากน้ำ พร้อมด้วย นายธนวัฒน์  แจ่มแจ้ง  กำนันตำบลปากน้ำ  นายสมพงษ์  พ่วงสะอาด  ผู้ประกอบการและตัวแทนชาวบ้านหมู่ 8 ตำบลปากน้ำประมาณ 30 คน เพื่อรับหนังสือร้องเรียนร้องทุกข์  

       เนื่องจากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเรื่องถูกหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งเข้ามาจัดสรรที่ดินสาธารณะให้เช่าโดย

สนับสนุนโดย อีซูซุสาขาสวี

เก็บค่าเช่าอย่างไม่เป็นธรรมโดยมีผู้ประกอบการประมง  รถจักยานยนต์รับจ้าง  ร้านค้าชุมชนชาวบ้านที่อยู่อาศัยได้รับความเดือดร้อนเป็นลูกโซ่นานกว่า 30 ปี

       นายสมศักดิ์  ชุมพล  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ตำบลปากน้ำ  กล่าวว่า ก่อนอื่นขอบคุณสส.วิชัย เดินทางเพื่อรับเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้านของชุมชนสะพานปลาที่ดินทำกินและอยู่อาศัยซึ่งมีการเก็บค่าเช่าโดยและสัญญาไม่เป็นธรรมจากหน่วยงาน

ที่ดูแลเป็นรัฐวิสาหกิจ ปัญหาดังกล่าวมีมานาน 30 ปียังไม่ได้การแก้ไข เจ้าของกิจการบางรายและการขึ้นปลาที่ท่าเทียบเรือประมงต้องปิดตัวลง เพราะค่าเช่าแพง ขึ้นค่าระวาง 100 เปอร์เซ็นจากค่าเช่าเดิม ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวชาวประมงรับ

สนับสนุนโดยร้านเค.เอสรุ่งเรืองเกษตรภัณฑ์

ไม่ได้ ทำให้การเข้าใช้ท่าเทียบเรือประมงต้องย้ายไปที่อื่นทำให้ผลประโยชน์ด้านรายได้ของชุมชนกระทบกันเป็นลูกโซ่

        โดยเฉพาะโรงน้ำแข็งรายใหญ่ในพื้นที่ต้องปิดกิจการไปบางส่วนเพราะแบกรับภาระค่าเช่าพื้นที่และอื่นๆไม่ไหว จึงฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่สส.มารับเรื่อง  ด้านอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความสนใจกับปัญหา

ที่เกิดขึ้น โดยบทสรุปของเรื่องนี้คือ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจนำที่ดินสาธารณะประโยชน์ป่าโกงกางมีความชอบธรรมแค่ไหนมาให้เช่าโดยไม่มีสัญญาต่างๆและสัญญาเรียกเก็บซ้ำซ้อนหมายความว่า 1.ถ้าทำสัญญาต้องเสียค่าประกันสัญญา

สนับสนุนโดยเพิ่มพูลคาร์เซ็นเตอร์.

15,000 บาท  และค่าใช้ผลประโยชน์ในที่ดินจำนวน 2 เปอร์เซ็นต์ของค่าเช่า  และขึ้นค่าเช่า 15 เปอร์เซ็นต์ทุกๆสัญญา” ผู้ใหญ่บ้านกวล่าว

        ด้านนายสมพงษ์  พ่วงสะอาด  ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบกับปัญหา กล่าวว่า ในฐานะเป็นผู้เช่าพื้นที่องค์การสะพานปลามา 30 ปี เช่าเป็นพื้นที่ว่างเปล่าปลูกสร้างเป็นสถานที่ขึ้นปลาเสียค่าเช่าเดือนละ 4,000 กว่าบาทและจะถูกขึ้น

ค่าเช่า 3 ปี ขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ทุกครั้งได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ขณะนี้ปัญหาเกิดขึ้นแล้วเมื่อเรือขึ้นปลาย้ายไปที่อื่นซึ่งเป็นท่าเทียบเรือของเอกชนโดยมีค่าใช้จ่ายน้อย บางครั้งแทบไม่เสียเงินเลยแต่อาจจะมีข้อแลกเปลี่ยนโดยเอาปลาไก่แลกกัน

ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ตำบลปากน้ำ

          ผู้ประกอบการรายนี้ กล่าวอีกว่า แต่ถ้าเอาเรือเทียบท่าที่องค์การสะพานปลา อย่างต่ำเสียเงินประมาณ 6,000-7,000 บาท แม้เรือที่จอดเทียบสะพานปลาใช้ไฟฟ้าต้องเสียค่าไฟจำนวน 500 บาท ให้กับองค์การสะพานปลา กระทั่งรถแม่ค้าพ่อค้ามาซื้อปลาต้องเสียค่าผ่านทั้งสิ้น รถน้ำมันผ่านเข้ามาองค์การสะพานปลาเพื่อลงเรือโดนเก็บลิตรละ 10 สตางค์  มองว่าองค์การสะพานปลาเอาเปรียบชาวบ้านมากเกินไป  อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่ใช่ขององค์การสะพานปลา แต่เป็นพื้นที่หลวงพื้นที่สาธารณะประโยชน์ ทั้งนี้ต้องการให้โอนพื้นที่ให้ท้องถิ่นดูแลทำประโยชน์เพื่อนำมาพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป”

            ทั้งนี้ด้านนายวิชัย  กล่าวหลังได้รับหนังสือร้องเรียนว่า  ตนจะได้นำเรื่องปัญหาที่รับมาปรึกษากับรัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรฯซึ่งเป็นคนในพรรค  หัวหน้าและเลขาฯ เพราะอย่างน้อยได้มาช่วยกันแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน ทราบข้อมูลว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่หลวง (น.ส.ล.) จังหวัดซึ่งมอบให้หน่วยงานรับผิดชอบ แต่ไม่สมควรมาเก็บค่าเช่านำความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนซึ่งค่าเช่าเดือนละ 4,000-5,000 บาท ถือว่าหนักกว่าเช่าที่อื่น และเรื่องนี้ไม่เคยทราบปัญหามาก่อนเมื่อทราบแล้วพร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไป” สส.วิชัยกล่าว

      ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องชี้แจงต่อผู้เช่าพื้นที่ พร้อมทั้งหน่วยงานรัฐซึ่งเป็นแกนกลางระหว่างผู้ให้เช่าและผู้เช่าเพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างเป็นธรรมกันทุกฝ่าย ขณะเดียวกันเรื่องดังกล่าวอยู่ในระหว่างหารือบ้างแล้วบางส่วนซึ่งผลสรุปสุดท้ายจะเป็นเช่นไรนั้นรอติดตามต่อไป

........................................................................


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชาวบ้านสุดทนสามผัวเมียมั่วสุมเสพยาแจ้งตำรวจช่วยเด็ก 2 คน

เหิมไม่เกรงกลัวกม.ผญบ.เตือนไม่ฟังรุกป่าต้นน้ำปลูกปาล์ม ป่าไม้หญิงสนธิกำลังซุ่มจับคาหนังคาเขา

จ่าทหารขับเก๋งออกจากค่ายจะไปธุระเสียหลักรถตกร่องกลางถนน เหินชนฝั่งตรงข้ามเสียชีวิต