สส.วิชัยยื่นมือช่วย หลังชุมชนสะพานปลาร้องทุกข์ อ้างถูกเอาเปรียบของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจนาน 30 ปี
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ชุมชนสะพานปลาร้องทุกข์กับสส.หลังถูกเอาเปรียบของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจนาน
30 ปี
ได้รับความเดือดร้อนจากที่ดินทำกิน-อยู่อาศัยโดยเก็บค่าเช่าอย่างไม่เป็นธรรม
วันที่ 9 ธ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิชัย สุดสวาทดิ์ สส.เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางลงพื้นที่ศาลาชุมชนบ้านจัดสรรหรือชุมชนสะพานปลา หมู่ 8 ตำบลปากน้ำ อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร พบนายสมศักดิ์ ชุมพล ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ 8 ตำบลปากน้ำ พร้อมด้วย
นายธนวัฒน์ แจ่มแจ้ง กำนันตำบลปากน้ำ นายสมพงษ์
พ่วงสะอาด ผู้ประกอบการและตัวแทนชาวบ้านหมู่
8 ตำบลปากน้ำประมาณ 30 คน
เพื่อรับหนังสือร้องเรียนร้องทุกข์
เนื่องจากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเรื่องถูกหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งเข้ามาจัดสรรที่ดินสาธารณะให้เช่าโดย
เก็บค่าเช่าอย่างไม่เป็นธรรมโดยมีผู้ประกอบการประมง รถจักยานยนต์รับจ้าง ร้านค้าชุมชนชาวบ้านที่อยู่อาศัยได้รับความเดือดร้อนเป็นลูกโซ่นานกว่า
30 ปี
นายสมศักดิ์ ชุมพล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ตำบลปากน้ำ กล่าวว่า ก่อนอื่นขอบคุณสส.วิชัย เดินทางเพื่อรับเรื่องร้องทุกข์ของชาวบ้านของชุมชนสะพานปลาที่ดินทำกินและอยู่อาศัยซึ่งมีการเก็บค่าเช่าโดยและสัญญาไม่เป็นธรรมจากหน่วยงาน
ที่ดูแลเป็นรัฐวิสาหกิจ ปัญหาดังกล่าวมีมานาน 30 ปียังไม่ได้การแก้ไข เจ้าของกิจการบางรายและการขึ้นปลาที่ท่าเทียบเรือประมงต้องปิดตัวลง เพราะค่าเช่าแพง ขึ้นค่าระวาง 100 เปอร์เซ็นจากค่าเช่าเดิม ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวชาวประมงรับ
สนับสนุนโดยร้านเค.เอสรุ่งเรืองเกษตรภัณฑ์
ไม่ได้
ทำให้การเข้าใช้ท่าเทียบเรือประมงต้องย้ายไปที่อื่นทำให้ผลประโยชน์ด้านรายได้ของชุมชนกระทบกันเป็นลูกโซ่
โดยเฉพาะโรงน้ำแข็งรายใหญ่ในพื้นที่ต้องปิดกิจการไปบางส่วนเพราะแบกรับภาระค่าเช่าพื้นที่และอื่นๆไม่ไหว จึงฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ครั้งนี้ถือว่าโชคดีที่สส.มารับเรื่อง ด้านอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความสนใจกับปัญหา
ที่เกิดขึ้น โดยบทสรุปของเรื่องนี้คือ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจนำที่ดินสาธารณะประโยชน์ป่าโกงกางมีความชอบธรรมแค่ไหนมาให้เช่าโดยไม่มีสัญญาต่างๆและสัญญาเรียกเก็บซ้ำซ้อนหมายความว่า 1.ถ้าทำสัญญาต้องเสียค่าประกันสัญญา
สนับสนุนโดยเพิ่มพูลคาร์เซ็นเตอร์.15,000 บาท
และค่าใช้ผลประโยชน์ในที่ดินจำนวน 2
เปอร์เซ็นต์ของค่าเช่า และขึ้นค่าเช่า 15 เปอร์เซ็นต์ทุกๆสัญญา” ผู้ใหญ่บ้านกวล่าว
ด้านนายสมพงษ์ พ่วงสะอาด ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบกับปัญหา กล่าวว่า ในฐานะเป็นผู้เช่าพื้นที่องค์การสะพานปลามา 30 ปี เช่าเป็นพื้นที่ว่างเปล่าปลูกสร้างเป็นสถานที่ขึ้นปลาเสียค่าเช่าเดือนละ 4,000 กว่าบาทและจะถูกขึ้น
ค่าเช่า 3 ปี ขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ทุกครั้งได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ขณะนี้ปัญหาเกิดขึ้นแล้วเมื่อเรือขึ้นปลาย้ายไปที่อื่นซึ่งเป็นท่าเทียบเรือของเอกชนโดยมีค่าใช้จ่ายน้อย บางครั้งแทบไม่เสียเงินเลยแต่อาจจะมีข้อแลกเปลี่ยนโดยเอาปลาไก่แลกกัน
ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ตำบลปากน้ำ ผู้ประกอบการรายนี้ กล่าวอีกว่า
แต่ถ้าเอาเรือเทียบท่าที่องค์การสะพานปลา อย่างต่ำเสียเงินประมาณ 6,000-7,000 บาท
แม้เรือที่จอดเทียบสะพานปลาใช้ไฟฟ้าต้องเสียค่าไฟจำนวน 500
บาท ให้กับองค์การสะพานปลา กระทั่งรถแม่ค้าพ่อค้ามาซื้อปลาต้องเสียค่าผ่านทั้งสิ้น
รถน้ำมันผ่านเข้ามาองค์การสะพานปลาเพื่อลงเรือโดนเก็บลิตรละ 10 สตางค์
มองว่าองค์การสะพานปลาเอาเปรียบชาวบ้านมากเกินไป
อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวก็ไม่ใช่ขององค์การสะพานปลา
แต่เป็นพื้นที่หลวงพื้นที่สาธารณะประโยชน์ ทั้งนี้ต้องการให้โอนพื้นที่ให้ท้องถิ่นดูแลทำประโยชน์เพื่อนำมาพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป”
ทั้งนี้ด้านนายวิชัย กล่าวหลังได้รับหนังสือร้องเรียนว่า ตนจะได้นำเรื่องปัญหาที่รับมาปรึกษากับรัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรฯซึ่งเป็นคนในพรรค หัวหน้าและเลขาฯ เพราะอย่างน้อยได้มาช่วยกันแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน
ทราบข้อมูลว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่หลวง (น.ส.ล.)
จังหวัดซึ่งมอบให้หน่วยงานรับผิดชอบ
แต่ไม่สมควรมาเก็บค่าเช่านำความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนซึ่งค่าเช่าเดือนละ 4,000-5,000 บาท ถือว่าหนักกว่าเช่าที่อื่น
และเรื่องนี้ไม่เคยทราบปัญหามาก่อนเมื่อทราบแล้วพร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไป”
สส.วิชัยกล่าว
ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องชี้แจงต่อผู้เช่าพื้นที่ พร้อมทั้งหน่วยงานรัฐซึ่งเป็นแกนกลางระหว่างผู้ให้เช่าและผู้เช่าเพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างเป็นธรรมกันทุกฝ่าย ขณะเดียวกันเรื่องดังกล่าวอยู่ในระหว่างหารือบ้างแล้วบางส่วนซึ่งผลสรุปสุดท้ายจะเป็นเช่นไรนั้นรอติดตามต่อไป
........................................................................
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น