กำนันถ้ำสิงห์ - ผู้ใหญ่บ้านนา บุกรวบผัวเมียชาวเมียนมาค้ายาบ้า

รูปภาพ
           เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 2 ส.ค. 68 นายรักชาติ แคล่วคล่อง กำนันตำบลถ้ำสิงห์ ได้รับแจ้งจากเจ้าของสวนยางพาราในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลถ้ำสิงห์ อ.เมือง จ.ชุมพร ว่ามีลูกจ้างซึ่งเป็นแรงงานชาวเมียนมา มีพฤติกรรมแปลกๆเหมือนคนเสพ ยาบ้า จึงเข้าพื้นที่ไปตรวจสอบ พบแรงงานชาวเมียนมาทราบชื่อคือ นายอาแง อายุ 27 ปี จึงทำการซักสอบจน นายอาแง รับสารภาพว่า ตนเองได้ซื้อยาบ้ามาเสพ จำนวน 3 เม็ด โดยซื้อมาจากผู้ค้าเป็นชาวเมียนมา มีบ้านพักอยู่ใกล้กับวัดถ้ำสิงห์ ในพื้นที่หมู่ 12 ตำบลบ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร             ต่อมาจึงได้ประสานกับ นายภาณุวัตน์ สวัสดี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 12 ตำบลบ้านนา ฝ่ายปกครองที่รับผิดชอบพื้นที่ เพื่อทำการตรวจสอบและล่อซื้อ โดยให้แรงงานชาวเมียนมาผู้เสพที่รับสารภาพว่าซื้อมาจากชาวเมียนมาในพื้นที่ดังกล่าว ทำการล่อซื้อ จำนวน 3 เม็ด ในราคา 200 บาท พร้อมถ่ายเอกสารไว้เป็นหลักฐาน             จากนั้น นายรักชาติ แคล่วคล่อง กำนันตำบลถ้ำสิงห์ นายภาณุว...

ตำรวจปส.ใช้ระบบAIตรวจจับป้ายทะเบียนคิดว่าเป็นรถขนยาเสพติดสกัดจับพบต่างด้าวอื้อ

 

       เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 8 มี.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ต.พิษณุ  แก้วล้อม  สารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด  กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พร้อมกำลังควบคุมตัวนายชัยยศ  เกิดมา อายุ 47 ปี ชาวจังหวัดนนทบุรี  และนายทินกร  กายเย็น  อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดนครราชสีมา

        โดยแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันซ่อนเร้น  หรือให้การช่วยเหลือด้วยประการใดๆแก่บุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม  พร้อมยึดรถกระบะโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์  ตอนครึ่ง

สนับสนุนโดย อีซูซุสาขาสวี

 ทะเบียน  นนทบุรี ติดตั้งตู้ทึบแสตนเลส  และรถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ ตอนเดียว  สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ติดตั้งตู้ทึบติดสติ๊กเกอร์บริษัทขนส่งชื่อดังแห่งหนึ่ง

        พร้อมทั้งควบคุมตัวชาวต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์แยกเป็นชาย 22 คน  หญิง 16 คน รวมทั้งหมด 38 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหา เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต  ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สวีดำเนินคดีตามกฎหมาย

สนับสนุนโดยร้านเค.เอสรุ่งเรืองเกษตรภัณฑ์

          เบื้องต้นทราบว่า เมื่อช่วงประมาณ 10.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.ต.พิษณุฯ สารวัตรกองกำกับการ 4 กองบังคับการสกัดกั้นยาเสพติด นำกำลังผู้ใต้บังคับบัญชา ตั้งจุดเฝ้าระวังมีการตรวจจับป้ายทะเบียนรถด้วยระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติ หรือกล้องอ่านแผ่นป้ายอัตโนมัติ  พบว่ารถกระบะติดตั้งตู้ทึบแบบขนส่งสินค้าเข้าสู่จังหวัดชุมพรปรากฏว่า ใช้วิธีหลบด่านตรวจบ้านพละกับด่านตรวจยาเสพติดท่าแซะใช้เส้นทางถนนเลียบฝั่งทะเล

           เจ้าหน้าที่ได้ไล่ติดตามและสามารถสกัดจับรถทั้งสองคันได้ในพื้นที่ตำบลนาโพธิ์ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร เมื่อแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นซึ่งขณะไล่ติดตามเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเบื้องต้นคาดว่าอาจจะเป็นรถลำเลียงยาเสพติด  แต่เมื่อเปิดประตูตู้หลังรถพบว่าเป็นชาวต่างด้าวชายหญิงทั้งหมด 38 คน จึงควบคุมตัวทั้งหมดรวมทั้งคนขับรถกระบะที่เป็นคนไทยสองคน ไปยังสภ.สวี

สนับสนุนโดย เพิ่มพูลคาร์เซ็นเตอร์

        จากการสอบสวนคนขับรถชาวไทย ทราบว่าขับรถไปรับต่างด้าวมาจากกรุงเทพมหานครขับตามกันมา ไปส่งปลายทางจังหวัดสงขลาและพัทลุง โดยจะมีคนร่วมขบวนการมารับช่วงต่อ ซึ่งจะได้รับค่าจ้างคนละ 2,000 บาท  ผู้ต้องหาทั้งสองคนสารภาพว่าทำมาหลายรอบแล้ว ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ขนต่างด้าวไปส่งที่จังหวัดสงขลา ก่อนรอบนี้มาถูกจับกุมได้

           ด้านนายฮุนเซ็น  อายุ 28 ปี ล่ามชาวเมียนมาร์  เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวหลังได้พุดคุยกับชาวเมียนมาร์หลบหนีเข้าเมืองว่า ทั้งหมดมาจากรัฐยะไข่ เพราะหนีภัยสงครามที่มีการสู้รบกันตลอดและเพื่อความปลอดภัยจึงขายจำนองที่ดินทำกิน

 บางคนพ่อแม่ก็ให้เงินมา เอาให้นายหน้าเดินทางข้ามมายังประเทศไทยฝั่งชายแดนแม่ฮ่องสอน จ.ตาก ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ โดยตั้งใจไปทำงานที่ประเทศมาเลเซียบางรายมีญาติพี่น้องที่ทำงานอยู่ประเทศมาเลเซียส่งเงินมาให้และพร้อมรอรับอยู่แล้วแต่มาถูกตำรวจไทยจับกุมก่อน

ล่ามแปลภาษา

       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า  ระหว่างอยู่ในโรงพักสวีได้ยินเสียงร้องให้ของหญิงสาวชาวเมียนนมาร์ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง รู้สึกหดหู่ใจและเวทนายิ่งนัก นายฮุนเซ็น ล่ามชาวเมียนมาร์ บอกว่า เขาคิดถึงพ่อแม่และเกิดอาการเครียด”

....................................................................................


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ฝ่ายปกครองอำเภอสวีรวบหนุ่มวัย 30 ปี หลังนัดส่งยาบ้าที่ป้ายโครงการทำถนนฯได้ไอซ์ยาบ้ากว่า 1 หมื่นเม็ด

โวยผญบ.ตัดปาล์มหมู่บ้านขายกว่า 7 ปีเงินสูญกว่า 2.5 ล้านชาวบ้านทวงถามไร้คำตอบ