สาธารณสุขอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร ณรงค์ป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก

รูปภาพ
  สาธารณสุขอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร ณรงค์ป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก วันที่ 19 ก.ย.67.ที่ บริเวณหน้าศาลพ่อตาหินช้าง หมู่ที่  2 ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร   นายสิทธิชัย ชูจีน สาธารณสุขอำเภอท่าแซะเป็นประธานจัดกิจกรรมจิตอาสารณรงค์                 สนับสนุนโดย อีซูซุสาขาสวี ป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก โดยมีนายชัยยุทธ ไชโย ผู้อำนวยการ รพ.สต.สลุย เป็นผู้ดำเนินงานร่วมกับ ฝ่ายปกครองท้องถิ่น ปกครองท้องที่ ทหารตำรวจ  กองอาสารักษาดินแดน(อส.) สังกัด กองร้อยอาสารักษาดินแดน จังหวัดชุมพรที่ 1 อาสาสมัครสาธารณสุข สนับสนุนโดย ร้านเค.เอส.รุ่งเรืองเกษตรภัณฑ์  จิตอาสา บริษัท cpi และเด็กนักเรียน โรงเรียนต่างๆ เข้าร่วม กิจกรรมจำนวนประมาณ 400 คน สาธารณสุขอำเภอท่าแซะ  กล่าวว่า เพื่อดำเนินการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก การเตรียมรับสถานการณ์ การแพร่ระบาดของไข้เลือดออก ในช่วงฤดูฝน และให้มีการทำงางานอย่างต่อเนื่องมีประสิทธิภาพ ตลอดจนกระตุ้นเตือนให้           สนับสนุนโดย เพิ่มพููลคาร์เซ็นเตอร์ ประชาชนในช

คืบหน้าฆ่าสองพี่น้องวัยชราเปลือยร่างโยนทิ้งหมกบ่อน้ำ

 

จากกรณีที่พบศพ นางสาวล้วน เจียมวิจิตร อายุ 89 ปี และ นายเจื้อง หรือทอง เจียมวิจิตร อายุ 85 ปี สองพี่น้องวัยชรา ถูกฆาตกรรมด้วยของแข็งจนเสียชีวิต แล้วเปลือยร่างจับโยนทิ้งบ่อน้ำหน้าบ้านเลขที่ 28 หมู่ 10 ตำบลนาพญา อ.หลังสวน

 จ.ชุมพร สันนิษฐานตายมาแล้วประมาณ 3-4 วัน ตรวจสอบที่เกิดเหตุมีร่องรอยคนร้ายลากศพทั้งสองเป็นทางจากเตียงใต้ถุนบ้านไปทิ้งยังบ่อน้ำห่างจากหน้าบ้านประมาณ 5 เมตร ส่วนบนบ้านพบมีร่องรอยการรื้อค้นสิ่งของกระจุยกระจายไปทั่ว ส่วนทรัพย์สินที่หายไปเบื้องต้นมีโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าแบบกดปุ่มโทรอย่างเดียว โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา

สนับสนุนโดย อีซูซุสาขาสวี

          ล่าสุดเวลา 09.30 น.วันที่ 18 เมษายน 67 พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.หลังสวน ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เพื่อแบ่งภารกิจแต่ละนายลงพื้นที่เก็บพยานหลักฐานเช่นกล้องวงจรปิดตามเส้นทางเข้าออกที่ผ่านหน้าจุดทางเข้าบ้านหลังเกิดเหตุ กล้องวงจรปิดที่โรงพยาบาลปากน้ำหลังสวน ซึ่งทั้งสองไปพบแพทย์เมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา

             รวมทั้งไปขอข้อมูลกรณีความเคลื่อนไหวบัญชีธนาคาร  สาขาหลังสวน ที่นางสาวล้วนผู้ตายมีเงินฝากมากกว่า 2 ล้านบาท รวมทั้งเรียกเก็บรอยนิ้วมือ ดีเอ็นเอ ญาติและบุคคลต้องสงสัย

สนับสนุนโดย ร้านเค.เอส.รุ่งเรืองเกษตรภัณฑ์

          ขณะเดียวกันชุดสืบสวนยังให้ข้อมูลว่า ผู้ตายทั้งสองแม้จะมีเงินฝากในธนาคารมากกว่า 2 ล้านบาท แต่ผู้ตายทั้งสองจะไม่เก็บเงินจำนวนมากไว้ที่บ้าน หากต้องการจะใช้ก็จะโทรเรียกวินมอเตอร์ไซค์มารับแล้วจะเบิกเงินครั้งละไม่น่าจะเกิน 500 บาทเท่านั้น

       นอกจากนั้นตำรวจจุดสืบสวนยังได้เชิญตัว นายรุจน์   อายุ 57 ปี คนขับวินมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ในตลาดหลังสวน ซึ่งเป็นคนที่นางสาวล้วนผู้ตายมักจะโทรเรียกให้มารับส่งไปโรงพยาบาลปากน้ำหลังสวน และซื้อข้าวของเครื่องในตลาดหลังสวนอยู่เป็นประจำ และก่อนพบศพสองพี่น้องในช่วงเย็นวันที 13 เมษายนที่บ่อน้ำบ้านหลังเกิดเหตุ  โดยเวลาประมาณ 12.00 น.ของวันเดียวกันนางสาวล้วนผู้ตายได้โทรศัพท์ให้นายรุจน์วินมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ให้มารับตนเองในตลาดหลังสวน พาไปส่งที่โรงพยาบาลปากน้ำหลังสวนตามเวลาหมอนัด จากนั้นเวลาประมาณ 13.00 -14.00 น.ได้ขับไปส่งนางสาวล้วนที่บ้าน ซึ่งตำรวจคาดว่าคนร้ายได้ก่อเหตุฆ่าสองพี่น้องในตอนเย็นวันเดียวกัน หลังสอบปากคำเสร็จไม่มีพิรุธหรือหลักฐานเกี่ยวข้องกับคดีและให้กลับบ้าน

สนับสนุนโดย เพิ่มพูลคาร์เซ็นเตอร์

           ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 ได้เดินทางด่วนมาโดยเฮลิปคอปเตอร์ ลงที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอหลังสวน จากนั้นพร้อมคณะได้เดินทางไปยังบ้านหลังเกิดเหตุที่อยู่ห่างจาก สภ.หลังสวน ประมาณ 4-5 กิโลเมตร โดยเข้าตรวจที่จุดสองพี่น้องถูกทำร้ายที่ใกล้เตียงนั่งใต้ถุนบ้านที่ยังมีคราบเลือดแห้งเกราะกรัง และจุดลากศพท้งสองไปทิ้งยังบ่อน้ำ จากนั้นขึ้นไปตรวจสอบบนบ้านซึ่งเป็นห้องโถงโล่ง มีร่องรอยการรื้อค้นบนที่นอนและในตู้เสื้อผ้า

             จากนั้นช่วงบ่ายเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ ได้กลับไปที่ สภ.หลังสวน แล้วเรียกประชุมตำรวจชุดสืบสวนในท้องที่เกิดเหตุ ชุดสืบสวน ภ.จว.ชุมพร และชุดสืบสวน ภ.8 โดยมี พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.หลังสวน เข้าร่วมประชุมด้วย โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟัง ใช้เวลาประชุมอย่างเคร่งเครียดนานประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วรีบเดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว บอกว่าเพียงว่ามีงานด่วนต้องรีบเดินทาง

               ในขณะเดียวกัน พันตำรวจเอกฉลาด พลนาการ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหลังสวน  ให้ข้อมูลว่า คนร้ายรายนี้ คงไม่น่าจะเป็นคนอื่นคนไกล และน่าจะเป็นคนในเครือญาติ ด้วยสาเหตุเชื่อว่า คนในละแวกรู้จักทั้งสองผู้ตายดี ทั้งสองจะไม่เก็บเงินไว้ที่บ้าน หากต้องการจะใช้ก็จะโทรเรียกวินมอเตอร์ไซค์มารับ แล้วจะเบิกเงินครั้งละไม่น่าจะเกิน 500 บาท

              นอกจากนี้ เชื่อว่า คนร้ายน่าจะเข้ามาก่อเหตุในช่วงกลางวัน เพราะหากเป็นเวลามืดค่ำ ทั้งสองซึ่งเป็นผู้สูงอายุ สายตาไม่ดีประกอบกับบ้านที่เกิดเหตุไม่มีไฟฟ้าใช้ ในบ้านก็ไม่ได้มีข้าวของที่มีค่า อยู่กินง่ายๆ การที่คนร้ายจะมานั้นเสี่ยงมาก เนื่องจาก หลายคนรู้ว่าตาทอง ผู้เสียชีวิต มีอาวุธปืน โดยทางชุดสืบสวน เชื่อว่าจะสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้อย่างแน่นอน

            พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.หลังสวน กล่าวว่าเหตุการณ์นี้ถือเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ กระทบจิตใจชาวบ้าน เพราะมีคนตาย 2 ศพ ซึ่งเป็นคนแก่ จึงต้องขอเวลาเก็บรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด หลักฐานบางอย่างบางเรื่องอยู่ในสำนวนการสอบสวนไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอเวลาอีก 2-3 วันจะสรุปสาเหตุว่าเกิดจากเรื่องอะไร คนร้ายเป็นกลุ่มไหน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง

ผกก.สภ.หลังสวน

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากแนวทางการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ ได้ตั้งสาเหตุปมสังหารสองพี่น้องทิ้งศพลงบ่อน้ำ ไปที่คนในที่เป็นญาติสนิท จากเรื่องที่ดินและทรัพย์สิน ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานหาให้แน่นหนาก่อนจะขออนุมัติศาลออดหมายจับ คาดว่าไม่น่าจะเกิน 2-3วันนี้ จะสามารถจับคนร้ายได้

…………………………………………………………….


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชาวบ้านสุดทนสามผัวเมียมั่วสุมเสพยาแจ้งตำรวจช่วยเด็ก 2 คน

เหิมไม่เกรงกลัวกม.ผญบ.เตือนไม่ฟังรุกป่าต้นน้ำปลูกปาล์ม ป่าไม้หญิงสนธิกำลังซุ่มจับคาหนังคาเขา

จ่าทหารขับเก๋งออกจากค่ายจะไปธุระเสียหลักรถตกร่องกลางถนน เหินชนฝั่งตรงข้ามเสียชีวิต