จับแล้วฆ่าทิ้งน้ำชาย 64 พบสพลอยอยู่ในสระน้ำที่แท้เป็นพระ
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
รวบแล้วคนร้ายฆ่าชายวัย 64 ปีทิ้งศพในสระน้ำ
ที่แท้คือพระที่จำพรรษาอยู่สำนักสงฆ์ใกล้ที่เกิดเหตุสาวนสาเหตุ เจ้าตัวอ้าง
ทนรบเร้าจะเอาอาหารไม่ไหว จึงทะเลาะก่อนใช้ช้อนกินข้าวเป็นอาวุธกระหน่ำแทง
จากกรณีที่นายศุภพงศ์ ได้หายออกไปจากบ้านตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ทางภรรยาพร้อมญาติ ได้ออกค้นหาตลอดทั้งวันทุกที่คิดว่าสามี เคยไปอยู่เป็นประจำ เช่นโบราณสถานถ้ำเขาปีบซึ่งมีพระจำพรรษาอยู่สองรูป และทั้งคู่
อ้างว่าไม่พบหน้าโยมศุภพงศ์ เช่นกัน จนกระทั่งเช้าของวันที่ 15 มิถุนายนได้มีชาวบ้านมาพบเป็นศพที่ทำร้ายด้วยของเหล็กแทงเข้าที่ในหน้าที่บนศีรษะหลายแผลลอยน้ำอยู่ในสระน้ำหน้าสวนปาล์มของชาวบ้าน และอยู่เยื้องกับโบราณสถาน เพียง 200 เมตร โดยมีรางรถไฟกั้นกลาง
ล่าสุดจากการลงพื้นที่จากตำรวจชุดสืบสวน ภาค 8 และตำรวจชุดสืบสวน สภ.ทุ่งตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ได้ลงสอบปากคำพระทั้งสองรูป พร้อมนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาเปรียบเทียบ คัดจากความเป็นจริงเนื่องจาก การสอบปากคำพระสองพ่อลูก ที่อ้างว่า ทุกเช้าจะออกเดินบิณฑบาตตั้งแต่เช้าเวลา 05.30 น.และจะกลับในเวลาประมาณ
08.30 น.โดยพระหัด
ภูษา ซึ่งพ่อเดินหน้า และมีพระสุนย์ทร ภูษา ลูกชายเดินตามหลัง ซึ่งเป็นอย่างนี้ทุกวัน
แต่ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่พบว่า ในวันเกิดเหตุ พบว่าในช่วงเช้าพระหัด
เดินหน้าจริง โดยมีพระสุนย์ทร เดินตามหลังห่างกันเพียง 4 นาที
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จนในที่สุด พระสุนย์ทร ยอมเปิดปาก ว่าหลังจากที่กลับจากบิณฑบาต กลับมาที่สำนัก ก็พบว่านายศุภพงศ์ มานั่งรอที่จะเอาอาหารจากตนทั้งที่ตนเองเพิ่งมาถึงและยังไม่ได้ฉันอาหารเลย จึงเกิด
กล้องวงจรปิดขัดแย้งกับคำให้การการทะเลาะกัน ถึงขั้นลงไม้ลงมือ
และตนเองก็ใช้ช้อนสั้นเป็นอาวุธในการแทงนายศุภพงศ์จริง ทางเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณก่อเหตุตรงไหน และทำไมศพ
จึงไปอยู่ในสระน้ำ
ซึ่งทางพระสุนย์ทร บอกเพียง จุดที่ทะเลาะทำร้ายกัน ตรงศาลาที่สำนัก ส่วนศพและรองเท้า ทำไมไปอยู่ตรงนั้นตนไม่รู้ เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวไปทำการสึก และรอการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจาก พระสุนย์ทร หรือนายสุนทร เริ่มมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด ด้านพระหัด ภูษา ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า พระลูกชาย สุขภาพไม่ดี เคยผ่าสมองตั้งแต่
ยังเด็ก ด้วยสาเหตุจากอุบัติเหตุ
และตนไม่รู้เลยว่าพระลูกจะมาก่อเหตุดังกล่าวได้หากวันนั้นตนเองกลับมาพร้อมเรื่องก็คงไม่เกิดแน่นอน
เพราะพอจะห้ามปราบได้ ซึ่งเชื่อว่าพระลูกคงคุมอารมณ์ไม่ได้ เนื่องจาก
อาการจะอ่อนไหว โมโหร้าย และบางครั้งก็จะนิ่งเงียบ
พระหัด ยังบอกว่า
ก็ปล่อยไปตามกฎหมายไปใครทำอะไรก็ได้เช่นนั้น ส่วนตนนั้นหลังจากนี้ก็จะเดินทางไป
จ.อุดรธานี บ้านเกิด เพื่อจะจัดการเรื่องที่ทางเพื่อเก็บที่ดินส่วนหนึ่งไว้ให้กับนายสุนทร
หลังจากที่พ้นคดีไว้ทำกินต่อไป
.......................................................................
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น