ร้องสส.วิชัยฯยื่นมือช่วย หลังชาวประมงพื้นบ้านถูกจับเหตุวางลอบปูม้าต้องเรี่ยไรเงินเสียค่าปรับกันเอง
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ชาวประมงพื้นบ้านตำบลด่านสวี จ.ชุมพร ถูกจับเหตุวางลอบปูม้าต้องเรี่ยไรเงินเสียค่าปรับกันเอง
ร้องสส.ช่วยผ่อนผันบังคับใช้กม.เพราะกระทบอาชีพเลี้ยงครอบครัว
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณศูนย์ประชุมหมู่บ้าน บ้านบ่อคา หมู่ 3 ตำบลด่านสวี อ.สวี จ.ชุมพร นายอัศนัย ไชยะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 นำตัวแทนชาวบ้านประกอบอาชีพประมง ออกเรือวางลอบปูม้าและกลุ่มธนาคารปูม้า
บ้านบ่อคา
ในพื้นที่ตำบลด่านสวีกว่า 50 คน ทำหนังสือยื่นให้นายวิชัย
สุดสวาสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สส.เขต1ชุมพร เพื่อขอผ่อนผันบังคับใช้กฎหมายไปยังเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามทะเลชุมพร
โดยมีนายสมชาติ เชาวนะปัญจะ นายกอบต.ด่านสวี ร่วมรับฟังปัญหาในครั้งนี้
ภายหลังทราบว่าเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมาชาวประมงพื้นบ้านจำนวน 2 ลำ รวม 4
คนนำเรือขนาดเล็กออกจับปูม้าโดยใช้เครื่องมือลอบปูที่ใช้ตาอวนถี่กว่าที่กฎหมายกำหนด
และได้ถูกเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามทะเลชุมพร เข้าทำการตรวจสอบและจับกุมตามข้อกล่าวหา
“ร่วมกันทำการประมงในเขตทะเลชายฝั่ง
ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดเครื่องมือทำการประมง
วิธีการทำการประมง
และพื้นที่ทำการประมงที่ห้ามใช้ทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ.2560 ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 ข้อ2(7)
ลอบปูที่มีขนาดตาอวนโดยรอบเล็กกว่า 2.5 นิ้ว มาตรา 71(1) ตาม มาตรา 147 และ 169
และร่วมกันทำการประมงซึ่งเป็นการฝ่าฝืนประกาศกรมประมงเรื่อง กำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่
วางไข เลี้ยงตัวอ่อน ในที่จับสัตว์น้ำบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร
สุราษฎร์ธานี พ.ศ.2561 ลงวันที่ 31 มกราคม 2561
มาตรา 70 ลงโทษตาม มาตรา 138
นั้น โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกแจ้งความกล่าวโทษส่งต่อพนักงานสอบสวน
สภ.ปากน้ำชุมพร
นายอมร วุฒิวงศ์งาม อายุ 56 ปี อาชีพประมงวางลอบปูม้าที่ได้รับความเดือดร้อน เปิดเผยโดยยอมรับว่าลอบปูม้าในกลุ่มของชาวประมงมีที่ใช้ตาอวนที่ถูกกฎหมายประมาณครึ่งหนึ่ง หลังจากที่มีชาวประมงถูกจับเรือ 2 ลำ ผู้ต้องหา 4
คน
ใช้ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านประกันตัวชั้นพนักงานสอบสวนออกมาซึ่งอยู่ในระหว่างรอเรียกตัว
ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
โดยระหว่างนี้กลุ่มเรือชาวประมงซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกของสมาคมชาวประมงตำบลด่านสวีและสมาชิกธนาคารปูม้าเกือบ
100 คน
ได้เรี่ยไรเงินกันเพื่อเก็บสำรองไว้เป็นเงินค่าปรับตามกฎหมาย
ในส่วนการทำหนังสือ เรื่องการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามทะเลชุมพร ผ่านไปทางนายวิชัยฯ สส.ชุมพรเขต 1 นั้น ข้อเสนอ 1.เพื่อให้ผ่อนผันยืดระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนขนาดตาลอบเครื่องมือทำการประมง(ลอบปูม้า)จากเดิมที่ผิดกฎหมาย 1 นิ้ว เป็นขนาด 2.5 นิ้ว โดยทางเจ้าหน้าที่ให้เวลา 10 วัน นับตั้งแต่วันที่
7-18 มิ.ย.นี้ ซึ่งระยะเวลาน้อยเกินไปไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ทัน และข้อ2.หากเจ้าหน้าที่ยืดหยุ่นเวลาให้ก็จะขอการปรับเปลี่ยนตาลอบเป็นทยอยเปลี่ยน สมติว่ามีลอบ 400 ลูก ขอขึ้นเอามาทยอยครั้งละ 100 ลูก ส่วนที่เหลือก็จะนำเอาไป
หาประโยชน์ต่อจนกว่าจะสับเปลี่ยนจนครบ
เพื่อหมุนเวียนประกอบอาชีพหารายได้เลี้ยงครอบครัว
แต่ที่เจ้าหน้าที่ต้องการให้ปรับเปลี่ยนตาลอบปูม้าในครั้งเดียว ถ้าทำอย่างนั้นต้องใช้เวลานาน
และเมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จัดงบประมาณ
1 แสนบาทผ่านทางสมาคมชาวประมงตำบลด่านสวี
เพื่อนำมาจัดสรรในการปรับเปลี่ยนตาลอบปูม้า สามารถซื้อลอบปูม้าได้ 1 พันลูก แบ่งสันปันส่วนได้ลำละ 50 ลูก
ส่วนที่เหลือก็ทยอยเปลี่ยนกัน ถ้าต้องใช้เงินตนเองเปลี่ยนนั้นตกลูกละ 100 บาท
ทั้งนี้การทำหนังสือผ่านสส.วิชัย
เพื่อให้ช่วยเร่งรัดในการขอผ่อนผันตามข้อเสนอทั้ง 2 ข้อ ซึ่งเดิมมีเวลาถึงวันที่ 18
มิ.ย.นี้เท่านั้นหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะออกตรวจจับอีก
ซึ่งถ้าถูกจับอีกอย่างน้อยต้องเสียค่าปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท
ด้านสส.วิชัย
กล่าวหลังจากเข้ารับฟังปัญหาว่า
เรื่องดังกล่าวเป็นปัญหามานานแล้วและชาวประมงเองก็เข้าใจแง่ของกฎหมาย
แต่วิถีชีวิตชาวประมงซึ่งไม่มีอาชีพอื่นนอกจากอยู่กับทะเล
ปัญหาดังกล่าวเชื่อว่าเป็นปัญหาทั่วทั้งประเทศ
ขอความร่วมมือโดยเฉพาะผู้ที่บังคับใช้กฎหมาย ต้องใช้กฎหมายแบบพึ่งพาให้พี่น้องประชาชนอยู่ได้
ขั้นตอนต่อไปจะนำไปหารือในชั้นกรรมาธิการ พ.ร.บ.ประมง
เพื่อจะหาแนวทางอยู่ร่วมกันได้ทั้งสองฝั่งโดยเฉพาะพี่น้องประกอบอาชีพด้านการประมง
ตนเองเชื่อว่าด้วยอาชีพของกลุ่มประมงเมื่อจับปูที่ไม่ได้ขนาดเขาก็ต้องปล่อย
โดยเฉพาะปูที่มีไข่อยู่นอกกระดองเพื่อให้แพร่พันธุ์ต่อไป
อีกทั้งชาวประมงก็มีกลุ่มอนุรักษ์เป็นกลุ่มธนาคารปูม้าอนุบาลปูที่มีไข่ไว้
เชื่อว่าการแก้ไขปัญหานี้วิงวอนภาครัฐผู้บังคับใช้กฎหมาย
ต้องอะลุ่มอล่วยให้โอกาสพี่น้องผู้ประกอบอาชีพ การบังคับใช้กฎหมายดีแล้ว
แต่บางเรื่องต้องดูแลวิถีชีวิตเขา การถูกจับมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในร้องของค่าปรับทุกคนร่วมและช่วยกันบริจาคคนละเล็กคนละน้อยเพื่อช่วยเหลือคนที่โดนจับ
ขอวิงวอนผู้หลักผู้ใหญ่เจ้ากระทรวงต้องหันมาดูแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนด้วย”
...................................................
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น