"ปล่อยร้าง “เขาดินสอ”จุดชมวิว-แหล่งดูนกเหยี่ยวมีชื่อระดับนานาชาติติด1ใน5 ของโลก

วันที่ 15 มิ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ตามที่มีผู้ใช้สื่อออนไลน์ในพื้นที่ อำเภอเมือง
จังหวัดชุมพรได้โพสรูปภาพคลิปวีดีโอปลาในกระชังลอยตายในแม่น้ำท่าตะเภาเป็นจำนวนมากและข้อความ
โดยระบุว่า “ทะนุถนอมกันมาดีดี อยู่กันมาดีดี พอมีเรือขุดทราย
ปัญหาปลาในกระชังที่เราเลี้ยงเริ่มลอยหัวตาย สีน้ำเป็นโคลน ขยะติดเกลื่อน
และยังมีอีกหนึ่งรายที่ได้รับผลกระทบจากเรือดูดทราย
ได้โพสรูปภาพพร้อมข้อความระบุว่า “
เรือดูดทรายขนาดใหญ่ทิ้งสมอกลางแม่น้ำแถมยังใช้สมอถึง 4 ตัว ซึ่งเชือกสมอเรือไม่มีทุ่นบ่งบอก
เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ” และโพสข้อความแจ้งเตือนผู้ใช้เรือสัญจรผ่านระมัดระวังอาจเกิดอันตราย
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบถามความเดือดร้อนของชาวบ้านและเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชัง
ในพื้นที่หมู่ 9 ตำบลตากแดดโดยอีกฝั่งของแม่น้ำท่าตะเภาติดเขตเทศบาลเมืองชุมพร
ซึ่งแม่น้ำดังกล่าวแยกออกมาจากแม่น้ำท่าแซะระยะทางยาวหลายสิบกิโลเมตร
ไปจดคลองท่ายางก่อนออกปากอ่าวไทย
พบนายอำพัน อำพันสุข อายุ 67 ปี ประธานชมรมอนุรักษ์พันธุ์กุ้งแม่น้ำลุ่มน้ำท่าตะเภา และกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชัง เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ประมงพื้นบ้านเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงในกระชังอย่างอุดมสมบูรณ์ พอเริ่มมีการ
ดูดทรายทำให้น้ำในคลองขุ่นการขุดทรายขึ้นมามีแอมมูเนียด้วย
เป็นเหตุให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาได้รับความเดือดร้อน
ในส่วนนี้อยากให้หน่วยงานราชการเข้ามาดูแลแก้ไขให้ และช่วยสนับสนุนความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้เลี้ยงปลาด้วย
บางรายปลากะพงตายยกกระชังจำนวนมาก
สมาชิกผู้เลี้ยงปลากะพงในกระชังตลอดแม่น้ำท่าตะเภาไม่น้อยกว่า 20 ราย กว่า 100 กระชัง
ในเขตตำบลบางหมาก
และท่ายางเริ่มมีผลกระทบขึ้นมาบ้างแล้วเพราะว่าน้ำไหลลงปลาเริ่มไม่กินอาหารและทยอยตายเรื่อยๆ
เสียหายหนักสุดจำนวน 3 รายที่อยู่ใกล้เรือดูดทราย
ปลาตายเสียหายเกือบ 1 แสนบาท
นายอำพันฯ
เปิดเผยอีกว่า ก่อนทำการลอกคลองดูดทราย ไม่มีการทำประชาคมหรือแจ้งให้ทราบมาก่อน
ทราบว่าเมื่อปีที่แล้วมีการขุดอยู่ประมาณ 1
เดือนแล้วหยุดไป และเพิ่งจะมาเริ่มใหม่
การขุดลอกคลองส่วนตนมองว่าไม่มีความจำเป็นต้องขุดลอก
เพราะไม่มีเรือใหญ่เข้ามาวิ่งสัญจรจะอ้างว่าน้ำตื้นขุดเพื่อให้ระบายตนมองว่าน้ำก็ระบายดีอยู่แล้ว
แต่หากมีการอนุญาตให้ขุดต่อเนื่องความเสียหายเกิดขึ้นแน่นอนกับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังไม่น้อยกว่า
1 ล้านบาท
ด้านนายมาณะชัย กดทรัพย์ อาชีพตกกุ้งแม่น้ำ ได้รับความเดือดร้อนเรื่องการสัญจรทางน้ำ เผยว่า เรือดูดทรายได้ทิ้งสมอกลางแม่น้ำท่าตะเภาเป็นรูปกากระบาทขวางลำน้ำ จอดเรือทิ้งไว้ตกกลางคืนก็ไม่มีสัญญาณไฟให้ผู้สัญจรทางน้ำได้ทราบ ซึ่งถ้าปล่อยไว้อุบัติเหตุเกิดแน่นอน อยากให้หน่วยงานรัฐแจ้งเตือนเรือดูดทราย ขณะเดียวกันที่เรือดูดทราย
สนับสนุนโดย เพิ่มพูลคาร์เซ็นเตอร์ขณะขุดทรายจะมีก๊าซแอมมูเนียลอยขึ้นมาเป็นฟองและมีกลิ่นเหม็นมากจนแสบจมูก
เป็นผลกระทบให้ปลาตามธรรมชาติและกุ้งแม่น้ำตาย
ทั้งนี้นายมาณะชัยแนะนำว่าถ้ายังดูดทรายต่อไปควรประสานงานให้กรมชลฯเปิดประตูระบายน้ำในช่วงเวลาที่ทำการดูดทราย
เพื่อให้มวลน้ำผลักดันน้ำเสียที่ผุดจากก้นแม่น้ำออกไปลงทะเล”
ต่อมาทีมข่าวนั่งเรือสำรวจการเลี้ยงปลากระชังของเกษตรกรใกล้กับเรือดูดทรายพบว่ารายที่เสียหายมากที่สุดเป็นปลากะพงและปลานิลตายทั้งหมดจำนวน 3 กระชัง ค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 45,000 บาท ซึ่งเจ้าของกระชังได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองชุมพรเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายกับเรือดูดทรายแล้วซึ่งทราบว่าอยู่ในระหว่างดำเนินการ
ส่วนนายสุทัศน์ ผลประทุม
อายุ 57 ปี
เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงและปลานิลในกระชังริมแม่น้ำท่าตะเภา
ซึ่งอยู่ห่างจากเรือดูดทรายประมาณ 500 เมตร เผยว่า ตนเลี้ยงปลากะพง 6 กระชัง ปลานิล 10 กระชัง ปลาเริ่มทยอยตายกว่า 100 ตัว
ปัญหาจากเรื่องน้ำเสียจากเรือขุดดูดทราย
หากยังขุดทรายอีกต้องเสียหายอีกเยอะโดยเฉลี่ยมูลค่าปลากะพงพร้อมจำหน่ายกระชังละ 1 แสนบาท
ส่วนที่ปลาตายเสียหายไปแล้วอยากให้หน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ”
สำหรับโครงการดังกล่าวตรวจสอบพบว่า
เป็นโครงการขุดลอกคลองท่าตะเภา ของสำนักงานเทศบาลเมืองชุมพร หลังจากนั้นจึงได้ประสานไปยังนายศรีชัย วีระนรพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร
เพื่อสอบถามถึงกรณีดังกล่าว โดยกล่าวว่า
ตามที่เทศบาลเมืองชุมพรมีโครงการขุดลอกคลองแม่น้ำท่าตะเภานั้น
เทศบาลไม่ได้ขุดลอกคลองมาประมาณ 20 กว่าปีแล้ว ทางเทศบาลได้รับการร้องขอจากประชาชนในเขตเทศบาลว่าควรขุดลอกคลองเพราะเห็นว่ามีความตื้น
และขุดลอกให้เกิดความสวยงาม
หลังจากขุดลอกคลองแล้วอาจจะทำตลาดน้ำเพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้
ทางเทศบาลจึงดำเนินการตามที่ชาวบ้านต้องการ หลังจากนั้นได้ปรึกษาผู้ว่าฯและดำเนินการตามระเบียบในการขออนุญาตหาผู้รับจ้าง
โดยการขุดครั้งนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณของเทศบาลแต่เอาทรายกับค่าแรงมาหักกัน
แต่เมื่อส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงปลาในกระชัง ในเรื่องนี้ทำความเข้าใจกัน อาจจะให้ผู้เลี้ยงปลาในกระชังมาพูดคุยกัน
นายอำพัน อำพันสุข /ประธานชมรมอนุรักษ์พันธุ์กุ้งแม่น้ำลุ่มน้ำท่าตะเภา
นายกเทศมนตรี รับว่าก่อนขุดลอกคลอง
มีการทำประชาคมแต่ไม่ได้เชิญผู้เลี้ยงปลามาพูดคุย เชิญเพียงกลุ่มชุมชนที่ขุดลอก
ถามว่าวันนี้เกิดความเสียหายมีการเยียวยาหรือจ่ายค่าชดเชยอย่างไรบ้าง นายกเทศมนตรี
ตอบว่าหลังจากรับทราบความเสียหายที่ได้เกิดขึ้นแล้วจึงโทรไปหาผู้รับจ้าง
ผู้รับจ้างทราบแล้วว่าเกิดเดือดร้อนกับผู้เลี้ยงปลาในกระชังและมีข้อตกลงกันแล้วว่าจะจ่ายค่าเสียหาย
พร้อมกับมีคำสั่งให้ผู้รับจ้างขุดลอกคลองหยุดขุดชั่วคราว
จนกว่าจะทำความเข้าใจกับผู้เลี้ยงปลาและให้จับปลาก่อนแล้วค่อยดำเนินการขุดต่อเพื่อไม่ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเสียผลประโยชน์หรือเกิดการเสียหาย”
นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองชุมพร กล่าวชี้แจง
ทางด้านน.ส.นุช
ตัวแทนผู้ประกอบการเรือขุดลอกคลองดูดทราย
เดินทางมาเพื่อขอชี้แจงว่า ทาง
“บริษัทพบว่ามีผู้เสียหายจากผลกระทบการขุดดูดทรายจำนวน 1 ราย
และได้เจรจาแล้ว โดยรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดตามข้อเรียกร้อง
ซึ่งรับว่าก่อนการดำเนินการทางบริษัทไม่ได้เชิญเขามาตกสำรวจไป ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีปัญหา
เพราะว่าที่ทำไม่เคยมีปัญหาเลย แต่พอดีปีนี้น้ำน้อย ทำให้ปลาขาดออกซิเจน
หลังจากนี้ทางบริษัทจะออกสำรวจผู้เลี้ยงปลาจำนวนเท่าไหร่ พร้อมกับทำหนังสือเชิญโดยมีนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองชุมพรเป็นคนกลางเพื่อพูดคุยกันอีกที
.................................................................................
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น