เมียคนขับแมคโฮร้อง วอนให้ตร.ชุมพรเร่งตามจับหนุ่มคลั่งพร้อมเมีย ใช้สปาต้าฟันผัวยับก่อนซิ่งจยย.หลบหนี

รูปภาพ
  คลั่งถือมีดสปาต้าบุกห้องพักฟันยับทั้งตัวคนขับรถแมคโฮ เมียหอบครอบครัวหนีตายข้ามจังหวัดวอนตร.เร่งจับตัว หลังคนร้ายลั่นจะฟันให้หมดทุกคน มึงไม่ได้ออกจากซอยแน่ มึงรู้จักกูน้อยไป มึงรู้ไหมกูเป็นใคร   เมียคนขับแมคโฮร้อง วอนให้ตำรวจชุมพรเร่งตามจับหนุ่มคลั่งคาดเมายาพร้อมเมีย หลังก่อเหตุขับรถจักรยานยนต์พกมีดสปาต้ามาจอดหน้าห้องพักพูดจาท้าทายก่อนบุกฟันผัวยับทั้งตัวปางตายเลือดอาบเต็มห้อง คนเป็นเมียผู้ก่อเหตุผสมโรงด้วยลากเมียคนเจ็บขณะอุ้มลูกเล็กวัย 1 ขวบในอ้อมกอด ออกมาตบตีก่อนหลบหนี ตำรวจเผยชายคนก่อเหตุเป็นคนเดียวกับที่ตำรวจต้องการตัวเพราะมีประวัติเป็นผู้ค้ายาเสพติด  ขณะนี้ออกหมายจับแล้วทั้งสองผัวเมีย   โดยเหตุการณ์ดังกล่าวถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 68 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากน.ส.ดวงเดือน (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี อยู่ห้องเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลบ้านนา อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ว่าเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.วันที่ 6 ธ.ค. 68 ได้มีนายหนุ่มและนางอ้อ สองผัวเมียขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีแดงดำ ไม่ทราบทะเบียนมาจอดหน้าห้องเช่า ขณะนั้นนายสุทธิพันธ์ฯ...

ผู้นำชุมชนตัดไม้พะยูงขนาดใหญ่ 5 ต้น อายุกว่า 20 ปี ริมถนนขาย อ้างเอาเงินเข้าหมู่บ้าน

 

ผู้นำชุมชนตัดไม้พะยูงขนาดใหญ่ 5 ต้น อายุกว่า 20 ปี ริมถนนขาย อ้างเอาเงินเข้าหมู่บ้าน สงสัยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ลงตรวจสอบเจอตอไม้เบื้องต้นยังไม่ดำเนินการใดๆ

            เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ริมถนนสายท่าข้าม - หัวว่าว หมู่ 7 ตำบลท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร หลังรับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีผู้นำชุมชน นำชาวบ้าน พร้อมเครื่องเลื่อยยนต์ตัดไม้พะยูงขนาด ใหญ่บนที่ดินสาธารณะริมถนนสายดังกล่าวไปขายให้กับนายทุน โดยไม่ขออนุญาตจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง

สนับสนุนโดย อีซูซุสาขาสวี

            จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าจุดที่มีการตัดต้นพะยูงอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนบ้านหัวว่าวและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าข้ามมากนัก จุดที่ตัดไม้พะยูงอยู่ริมถนนด้านซ้าย ซึ่งยังมีร่องรอยกิ่งไม้ขนาดใหญ่ถูกตัดทิ้งไว้


จำนวนมาก โดยจุดแรกมีตอไม้พะยูงขนาดใหญ่จำนวน 2 ตอ ลำต้นคาดว่าสูงมากกว่า 10 เมตร จุดที่  2 ห่างออกไปอีกประมาณ 100 เมตร พบต้นพะยูงถูกตัดไปเหลือแต่ตอขนาดใหญ่จำนวน 3 ตอ ส่วนกิ่งไม้ยังทิ้งระเกะระกะอยู่ตามไหล่ทางจำนวนมาก และมีกล่องใส่อาหาร เครื่องดื่มทิ้งกระจายอยู่ทั่ว

สนับสนุนโดย ร้านเค.เอส.รุ่งเรืองเกษตรภัณฑ์

           โดยชาวบ้านให้ข้อมูลว่ามีผู้นำชุมชนและชาวบ้านนำเครื่องยนต์มาตัดต้นพะยูงดังกล่าว เพื่อนำไปขายแล้วนำเงินเข้าหมู่บ้าน โดยมีนายทุนมารับซื้อใช้รถบรรทุก 6 ล้อ 1 คัน เป็นรถเครนยกไม้ 1 คัน มาบรรทุกไม้ออกไป ซึ่งชาวบ้าน


เห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากลเนื่องจากต้นพะยูงเป็นไม้หวงห้ามที่ชาวบ้านเห็นมานานมีอายุมากกว่า 20 ปีแล้ว เป็นไม้หายากมีราคาแพงซึ่งทั้งหมด 5 ต้น ราคามากกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นไม้หวงห้ามที่ขึ้นอยู่ริมถนนในที่ดินสาธารณะ ต่อมาชาวบ้านได้โทรศัพท์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ให้ลงมาตรวจสอบ แต่เมื่อลงมาตรวจสอบเจ้าหน้าที่กลับไม่ดำเนินการใดๆ จึงแจ้งให้นักข่าวลงตรวจสอบดังกล่าว

สนับสนุนโดย เพิ่มพูลคาร์เซ็นเตอร์

          ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปพบกับ นายประจักร์ เต่าทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ตำบลท่าข้าม เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว โดยนายประจักร์กล่าวว่า เรื่องการตัดไม้พะยูงเนื่องจากมีผู้นำชุมชนและชาวบ้าน ได้ร่วมกันทำประชาคมหมู่บ้าน มีมติให้ตัดต้นไม้ใหญ่ริมถนนให้หมดเนื่องจากเป็นปัญหาเรื่องความปลอดภัย และมีมติให้ตัดไม้พะยูงขายด้วย เพื่อนำเงินเข้า


กองทุนหมู่บ้าน ส่วนตนเป็นแค่เพียงประธานการประชุมเท่านั้น ซึ่งชาวบ้านในหมู่บ้านก็ยกมือมีมติเป็นเอกฉันฑ์ให้ดำเนินการ ส่วนตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ สำหรับเงินที่ขายไม้พะยูงจำนวน 5 ต้นในราคา 1 แสนบาท มีชื่อนายอุทัย (สงวนนามสกุล) ผู้รับซื้อได้โอนเงินเข้าบัญชีหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว

           ด้านนายพินัย นาคเล็ก ป่าไม้จังหวัดชุมพร กล่าวกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียดมากนัก และเพิ่งจะรู้เรื่องนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งไม้พะยูงเป็นไม้หวงห้ามขึ้นในที่ดินสาธารณะ ไม่สามารถทำประชาคมหมู่บ้านแล้วมี

มติให้ตัดโค่นนำไปขายได้ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เรื่องนี้ต้องตรวจสอบก่อนมีความเป็นมาอย่างไร ส่วนเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ลงไปตรวจสอบตามที่ชาวบ้านแจ้งนั้น เบื้องต้นพอรู้แล้วว่าเป็นใคร แต่ยังไม่ได้รับรายงานว่าได้ดำเนินการอย่างไรไปแล้วบ้าง ต้องขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน

             นอกจากนี้ ในประเด็นที่ชาวบ้านได้ตั้งข้อสงสัย ทำไมชาวบ้านแจ้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาตรวจสอบแล้ว ไม่ดำเนินการจับกุมแต่อย่างใดหรือมีผลประโยชน์อื่นใดร่วมกันหรือไม่นั้น นายพินัย ตอบว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้วโดยมีผู้ใหญ่บ้านร่วมให้ข้อมูลถึงมติชาวบ้าน ตนเองก็ยอมรับว่าทำไมทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้จึงไม่จัดการไปตามบทบาทหน้าที่ แต่ยังเหมือนสนับสนุน ที่ทางชาวบ้านได้ใส่ซองให้สมทบช่วยกองทุนหมู่บ้านกลับไปอีกด้วย

..................................................................


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เหี้ยม!คนร้ายใช้อาวุธปืน 11 มม.ดักยิงเจ้าของสวนปาล์มร่างพรุนดับคารถกระบะ

จับแล้วผู้ต้องหา 2 รายยิงเจ้าของสวนปาล์มรัว 9 นัดร่างพรุนดับคารถยนต์กระบะแต่ให้การปฏิเสธ

อุทาหรณ์ชาวเมียนมาข้ามถนนไม่ทันระวังถูกรถเก๋งชนดับ