ชาวบ้านเดินหน้าสู้นายทุน รุดพบนอภ.ยันให้ปิดโรงงานผสมแอสฟัลท์เพราะเกิดมลพิษรุนแรง คนแก่เด็กล้มป่วย
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
เมื่อวันที่ 18 ต.ค.67 นายอัครัช
จันทร์ทับ อายุ 49 ปี พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ตำบลสะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร
นำเอกสารหลักฐานเป็นภาพถ่ายและหนังสือร้องเรียนถึงผลกระทบจากมลพิษของโรงงานผสมแอสฟัลท์จำนวน
3 โรงในพื้นที่เดียวกัน
ยื่นต่อนายเจริญโชค
พรหมชุติมา นายอำเภอปะทิว
เพื่อเร่งรัดดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าว
เนื่องจากชาวบ้านหลายหมู่บ้านในตำบลสะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร ต้องทนสูดดม กลิ่นหมิ่น ฝุ่นละอองจากโรงงานผสมแอสฟัลล์จำนวน 3 แห่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกันในหมู่บ้านเดียว มานานนับ 10 ปี จนคนในตำบลในรัศมี 3-4 กิโลเมตร
จากโรงงานล้มป่วยมีอาการระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะคนแก่ ผู้สูงอายุและเด็ก แม้ร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเข้าตรวจสอบโรงงานประชุมหาทางออกร่วมกันหลายครั้งแต่ไม่เป็นผล มีการแก้ไขดีไม่กี่วันกลับมาสร้างปัญหาอย่างเดิม สุดท้ายชาวบ้านเหลือจะทนร้องผู้สื่อข่าวเล่าความทนทุกทรมานมานานหลายปีให้ฟังพร้อมเดินหน้าต่อต้านให้ระงับการผลิตทันทีหากสร้างปัญหาให้ชุมชนอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมาได้รวมตัวกันประท้วงคัดค้านการ
เปิดทำงานของโรงงานแอสฟัลต์คอนกรีต หมู่ที่3 ตำบลสะพลี
กลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนได้ ทำหนังสือร้องเรียนต่อสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลสะพลี
ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวสื่อสาธารณะไปแล้วนั้นชาวบ้านผู้ร่วมประท้วงได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็น
ฝุ่น ควัน และมลพิษ ที่เกิดจากโรงงานแอสฟัลต์คอนกรีต
ชาวบ้านรวมตัวกันแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนว่าให้ โรงงานแอสฟัลต์คอนกรีต
หยุดทำงานในพื้นที่ตำบลสะพลีตลอดไปเนื่องจากได้รับผลกระทบมานานนับ 10 ปี
ด้านนายอัครัช จันทร์ทับ อายุ 49 ปี ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากมลพิษทางอากาศ จากโรงงานผสมอแสฟัลท์ดังกล่าว กล่าวว่า ทางนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสะพลี และปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลสะพลี เมื่อวันที่
9 ต.ค. รับหนังสือร้องเรียน และได้อธิบายกับชาวบ้านและผู้สื่อข่าว
ให้เข้าใจถึงขั้นตอนและขอบเขตอำนาจขององค์การบริหารส่วนตำบลสะพลี
เมื่อได้ฟังคำชี้แจงจากผู้มีอำนาจใน อบต.สะพลี แล้วทำให้ชาวบ้าน รู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง เพราะคำอธิบายและการดำเนินการหลังจากนั้น
ของผู้มีอำนาจใน อบต.สะพลี
เช่น
การสั่งพักใบอนุญาตประกอบกิจการของโรงงานแอสฟัลต์คอนกรีตเป็นระยะเวลา 15 วัน
ทำให้อนุมานได้ว่าอาจจะเป็นการเปิดช่องให้โรงงานแอสฟัลต์คอนกรีต
สามารถกลับมาเปิดทำงานได้ปกติหลังจากนั้น ซึ่งจะก่อความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเช่นเดิมอีก
ความเดือดร้อนได้เกิดขึ้นมาแล้วหลายปี
และเมื่อต้นปี พ.ศ.2567
ปัญหากลิ่นเหม็น ฝุ่น ควัน และมลพิษจากโรงงานแอสฟัลต์คอนกรีตรุนแรงมากขึ้น
การเพิ่มโรงงานจาก 1 โรงเป็น 3 โรง ได้ส่งผล กระทบให้ชาวบ้านเป็นโรคทางเดินหายใจ
โดยเฉพาะชาวบ้านที่พักอาศัยในรัศมีที่กระแสลมพัดเอา กลิ่นเหม็น ฝุ่น
ควันและมลพิษไปถึง ทำให้หายใจลำบาก เด็กๆ เป็นโรคภูมิแพ้ น้ำฝนธรรมชาติไม่
สามารถใช้อุปโภคบริโภคต่อไปได้และมลพิษที่เกิดขึ้นจะก่อให้เกิดมะเร็งและทำลายการพัฒนาทางสมอง
ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจึงได้รวมตัวกันทำหนังสือร้องเรียนนี้
ถึงนายอำเภอปะทิว เพื่อให้ ช่วยตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้มีอำนาจหน้าที่
ประเด็นดังต่อไปนี้ 1. ในการประชุมวันที่ 8 และวันที่ 13 มีนาคม 2567 (ตามเอกสารแนบ2) เพื่อแจ้งปัญหา
เรื่องกลิ่นเหม็น ฝุ่น ควันและมลพิษที่เกิดจากโรงงานแอสฟัลต์คอนกรีต ให้กับทาง อบต. สะพลี และโรงงานแอสฟัลต์คอนกรีต ได้ทราบปัญหาที่เกิดขึ้น จากการประชุมครั้งนั้นถึง ตอนนี้นับเป็นเวลากว่า 7 เดือน ชาวบ้านยังไม่เห็นการการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อเป็น การแก้ปัญหาอย่างถาวร แต่โรงงานยังคงทำงานตามปกติ ปล่อยกลิ่นเหม็น ฝุ่น ควันและ มลพิษ สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านในตำบลสะพลี
นายอำเภอปะทิว
โดยเฉพาะพื้นที่หมู่ที่ 3 ได้รับผลกระทบจาก กลิ่นเหม็น ฝุ่น ควันและมลพิษโดยตรงและรุนแรงมากขึ้นทุกวัน 2. การอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานแอสฟัลต์คอนกรีตทั้ง 3 โรงในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ตำบล สะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ซึ่งไม่มีการทำประชาพิจารณ์แสดงความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ถึงข้อดีข้อเสียแต่อย่างใด เนื่องจากโรงงาน
ผู้ป่วยอาการทรุดจากมลภาวะฝุ่น ควัน
แอสฟัลต์คอนกรีตเป็นโรงงาน
ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยข้อมูลพื้นฐานจากการพบปะพูดคุย
ของชาวบ้านส่วนใหญ่
ไม่ได้มีความเห็นขอบหรือยินยอมให้มีการก่อสร้างโรงงานแอสฟัลต์คอนกรีตในพื้นที่ตำบลสะพลีแต่อย่างใด
จึงขอให้นายอำเภอปะทิว
ได้ตรวจสอบการอนุญาตให้มีการจัดตั้งโรงงานแอสฟัลต์คอนกรีตในครั้งแรกและขยายจาก 1 โรงเป็น 3 โรง
หากพบว่าเป็นการอนุญาตให้มีการจัดตั้งโรงงานไม่ถูกต้อง ขอให้ทางผู้มีอำนาจสั่งยกเลิกใบอนุญาตโรงงานแอสฟัลต์คอนกรีต
หากมีการอนุญาตโดยผู้มีอำนาจไม่ได้สอบถามหรือทำประชาพิจารณ์ประชาชนในพื้นที่
ก็ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทางด้านนายเจริญโชคฯ นายอำเภอปะทิว
กล่าวหลังรับทราบปัญหาร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ว่า หลังจากรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตำบลสะพลี
เรื่องมลภาวะ
เรื่องการดำรงชีวิตในนามอำเภอปะทิวมีความกังวลคุณภาพชีวิตของประชาชนทราบถึงเรื่องจริงเบื้องต้น
หลังจากนี้จะรวบรวมข้อมูลเพื่อรายงานให้จังหวัดทราบเพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
...........................................................
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น