เจ้าของสวนยางยิงลูกน้องดับ ปมเหตุทะเลาะกันเรื่องค่าจ้าง ก่อนขับกระบะหลบหนี
![รูปภาพ](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgJ5gBHLViJuqDM9MXMY7EaJLWVWI5QdCJo_dX9J160H0dpVfGtAf4pKYkcARPKRH4g4dSAHKXxwn98efzcDDhbyEhLcF4bTwrGlpP98IWw_q_qvOb_kyWxoDGrjKHj2m7ymGOyIIaWK-3rWk-1bT9GTdSQG7IYcjfDFc4jj0-H49GNqrNyT6qA9KFxItnw/s320/S__25157676_0908.jpg)
วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 กรมประมงจัดพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในทะเลอ่าวไทย ประจำปี 2568 (ปิดอ่าวไทย) ณ บริเวณท่าเทียบเรือประมงชุมพร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองชุมพร
จังหวัดชุมพร พร้อมประกาศใช้มาตรการฉบับใหม่ จำนวน 4 ฉบับ โดยยังคง 2 ช่วงเวลาต่อเนื่องกันช่วงที่ 1 : วันที่ 15 ก.พ. – 15 พ.ค. กำหนดมาตรการปิดอ่าวไทยตอนกลาง ตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงอำเภอ
ดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
โดยเพิ่มเติมรายละเอียดการอนุญาตให้ใช้เครื่องมือประมงบางชนิด และช่วงที่ 2 : วันที่ 16 พ.ค. – 14 มิ.ย. กำหนดมาตรการปิดอ่าวไทยตอนกลางและเขตต่อเนื่อง
ตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงอำเภอหัวหิน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โดยในพิธีประกาศปิดอ่าว นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาเป็นประธาน พร้อมด้วยนายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง และนายเธียรชัย ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร
กล่าวรายงานและให้การต้อนรับ โดยกรมประมงได้จัดพิธีบวงสรวงพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และพิธีปล่อยขบวนเรือตรวจการประมงจำนวน 14 ลำ เพื่อออกปฏิบัติหน้าที่
ในช่วงประกาศใช้มาตรการดังกล่าว ภายในงานยังมีการมอบแผ่นป้ายเงินอุดหนุนโครงสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านการประมง ประจำปี 2568 ให้แก่องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นในเขตจังหวัดชุมพร จำนวนชุมชนละ 100,000 บาท
และร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ประกอบด้วย
กุ้งแชบ๊วย จำนวน 300,000 ตัว
และปลากระบอก จำนวน 2,000 ตัว รวม 302,000 ตัว
ลงสู่ทะเลชุมพรเพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติอีกด้วย
นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า มาตรการ “ปิดอ่าวไทย” เป็นมาตรการสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ในฝั่งทะเลอ่าวไทย มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีใช้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ
ทรัพยากรประมงให้เกิดความยั่งยืน
พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเป็นสำคัญด้วย
โดยในปีนี้ กรมประมงยังดำเนินมาตรการปิดอ่าวไทยในช่วงเวลาและพื้นที่เดิม
แต่มีการปรับปรุงข้อกำหนดของเครื่องมือประมงบางชนิด เพื่อให้สอดคล้องกับการเคลื่อนที่และวงจรชีวิตของปลาทู
โดยผลการสำรวจพื้นที่อ่าวไทยตอนกลางเขตประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี
ในช่วงเวลา 15 ก.พ. – 15 พ.ค.
พบพ่อแม่พันธุ์ปลาทูมีความสมบูรณ์เพศและพร้อมผสมพันธุ์ มากกว่าร้อยละ 80 ในขณะที่ผลการสำรวจเขตทะเลชายฝั่งตามแผนที่แนบท้ายของประกาศปิดอ่าวไทยตอนกลางของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ชุมพร และในเขตต่อเนื่อง ในช่วงเวลา 16 พ.ค. – 14 มิ.ย. พบลูกปลาวัยอ่อนเจริญเติบโตเลี้ยงตัวบริเวณชายฝั่ง และพบลูกปลาขนาดเล็ก
เดินทางเคลื่อนเข้าสู่อ่าวไทยรูปตัว ก เพื่อเจริญเติบโตเป็นพ่อแม่พันธุ์
นอกจากนี้ผลการสำรวจยังพบว่าชาวประมงบางส่วนมีการปรับเปลี่ยนเครื่องมือและวิธีการทำการประมงในช่วงประกาศใช้มาตราการปิดอ่าวอีกด้วย
และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อมูลทางวิชาการ ข้อกฎหมาย
และบริบทการทำการประมงที่มีการเปลี่ยนแปลง
กรมประมงจึงได้ออกประกาศกรมประมงเพิ่มเติมจากเดิมที่ใช้อยู่ 2 ฉบับเป็น 4 ฉบับ
เพื่อให้เกิดความชัดเจนในรายละเอียดการทำการประมง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อกำหนดเรื่องความยาวอวนติดตาปลาและวิธีการทำการประมง ในช่วงที่
1 (15 ก.พ. – 15 พ.ค.)
และข้อกำหนดเรื่องการใช้เครื่องมืออวนครอบ อวนช้อน หรืออวนยกหมึก
ที่ใช้ประกอบเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เครื่องปั่นไฟ)
ของมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน
บริเวณทะเลอ่าวไทยตอนกลาง (มาตรการปิดอ่าวไทย) ดังนี้ ประกาศกรมประมง เรื่อง
กำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่ หรือวางไข่
เลี้ยงตัวอ่อนในที่จับสัตว์น้ำบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร
และสุราษฎร์ธานี พ.ศ. 2568 ลงวันที่ 22 มกราคม 2568,ประกาศกรมประมง เรื่อง กำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่
หรือวางไข่ เลี้ยงตัวอ่อนในที่จับสัตว์น้ำบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2568 ลงวันที่ 22 มกราคม 2568,
ประกาศกรมประมง
เรื่อง กำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่ หรือวางไข่
เลี้ยงตัวอ่อนในที่จับสัตว์น้ำบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร
และสุราษฎร์ธานี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568, ประกาศกรมประมง เรื่อง
กำหนดพื้นที่และระยะเวลาฤดูสัตว์น้ำมีไข่ หรือวางไข่
เลี้ยงตัวอ่อนในที่จับสัตว์น้ำบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 โดยประกาศทั้ง
4 ฉบับข้างต้น ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย อาทิ
ชาวประมง ผู้ประกอบการ นักวิชาการ ฯลฯ
และผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณากำหนดมาตรการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ
ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ
จากหน่วยงานภายในและภายนอกกรมประมง และอาจารย์มหาวิทยาลัย แล้ว
อธิบดีฯ
กล่าวในตอนท้ายว่า
“ขอขอบคุณพี่น้องชาวประมงที่เสียสละการทำประมงบางส่วนเพื่อร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำในทะเลไทยให้การปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอดมา
และขอให้ระมัดระวังการทำประมงโดยให้ทำประมงเฉพาะเครื่องมือและวิธีทำการประมงที่ประกาศให้ใช้ได้เท่านั้น
ห้ามใช้เครื่องมืออื่น ๆ โดยเด็ดขาด หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีความผิดตามมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ต้องระวางโทษ ปรับตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 30 ล้านบาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือประมง หรือปรับจำนวน 5 เท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมงแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า
และต้องได้รับโทษทางปกครองอีกด้วย
กรมประมงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการปรับปรุงมาตรการในครั้งนี้จะช่วยคุ้มครองพ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำ
ให้ได้มีโอกาสผสมพันธุ์ วางไข่ และสร้างประชากรสัตว์น้ำรุ่นใหม่ขึ้นมาหมุนเวียนในระบบนิเวศได้อย่างยั่งยืน
...................................................
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น