ชุมพรมีหนาว "รังสิมันต์ โรม" ประธานความมั่นคงแห่งรัฐฯ นำคณะลงพื้นที่ตรวจสอบชายแดนไทย-เมียนมา

อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านพร้อมภรรยาและลูกชายเดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนและคลิปวีดีโอเป็นหลักฐาน โดยกำนันคนหนึ่งรับว่าจ้างให้บุคคลอื่นเข้าบุกรุกป่าจำนวน 10 ไร่ พื้นที่หมู่ 6 ตำบลสลุย
อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
ส่วนการบุกรุกพื้นที่ดังกล่าวเป็นคดีความอยู่ที่สภ.สลุยแต่ยังไม่มีความคืบหน้า
อีกทั้งกำนันคนดังกล่าวลั่นไว้ว่า “ไม่มีใครทำอะไรตนได้”
ผู้ร้องซึ่งเกรงว่าคดีไม่มีความคืบหน้าจึงเดินทางเข้าพบร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรรับทราบและติดตามคดีความอย่างใกล้ชิด
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา นายสายศิริ
มากประดิษฐ์ อายุ 77 ปี อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านหมู่
4 ตำบลสองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
พร้อมด้วยภรรยาและนายธนธร
มากประดิษฐ์ อายุ 56 ปี เดินทางเข้าพบนายเธียรชัย
ชูกิตติวิบูลย์ ผู้ว่าฯจ.ชุมพร
ที่ห้องประชุมเกาะลังกาจิว ศาลากลางจังหวัดชุมพร
โดยมีเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร เข้ารับฟังปัญหาดังกล่าวด้วย
นายสายศิริและนายธนธร
ผู้ร้องให้ข้อมูลว่า
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯอยู่ในพื้นที่ตำบลสองพี่น้องและตำบลสลุย
อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เนื้อที่ 1,900 ไร่ โดยมีประชาชนได้เสียสละที่ดินเพื่อทำป่าชุมชน
อนุรักษ์ป่าให้มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่า
เป็นแหล่งผลิตน้ำตามธรรมชาติ และเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน
อนุรักษ์หวงแหนถวายพระเทพฯ
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 นายสายศิริฯ
อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในฐานะคนเก่าคนแก่ของโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯซึ่งได้ดูแลพื้นที่โครงการฯเป็นประจำ
จะมีส่วนหน่วยงานราชการเข้ามาดูแลด้วยคือเกษตรและสหกรณ์ และเกษตรจังหวัดรับผิดชอบ ขณะนั้นได้เจอคนกลุ่มหนึ่งจำนวน 7 คน ซึ่งตามที่ได้เห็นพบว่าเป็นคนที่ไม่รู้จักหรือเคยเห็นกับบุคคลดังกล่าวเลยกำลังแผ้วถางด้วยมีดงอ
กันอย่างสนุกมือโดยไม่คิดถึงความผิดของกฎหมายบ้านเมืองแต่อย่างใด
ปรากฏว่าป่าถูกแผ้วถางไปแล้วประมาณ 10 ไร่
จึงได้เข้าไปห้ามปรามกลุ่มบุคคลดังกล่าวจึงล่าถอยไป
หลังจากนั้นนายสายศิริฯผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
ได้ยื่นเรื่องแจ้งไปยังสิ่งแวดล้อมจังหวัดชุมพร และได้ส่งเรื่องต่อไปที่ว่าการอำเภอท่าแซะ
ด้านปลัดอำเภอพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้เดินทางเข้าพื้นที่ตรวจสอบพร้อมทั้งได้ทำการติดป้ายตรวจยึดพื้นที่เพื่อดำเนินคดี
ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเรื่องคดีความอยู่ที่สภ.สลุย แต่ผ่านมาประมาณ 2
สัปดาห์ ไม่มีความคืบหน้าอีกทั้งกำนันคนดังกล่าวเคยลั่นไว้ว่า
“ไม่มีใครทำอะไรเขาได้” เกรงว่าเรื่องการบุกรุกป่าจะเงียบ จึงเดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรได้รับทราบและเร่งดำเนินการติดตามต่อไป
ภายหลังผู้ร้องได้แจ้งความประสงค์การเข้าพบและยื่นหนังสือร้องเรียนพร้อมทั้งนำเอาคลิปวีดีโอที่บันทึกบทสนทนาของกำนันรายหนึ่ง
อ้างว่าเป็นผู้จ้างวานให้ผู้อื่นเข้าไปบุกรุกแผ้วถาง ส่งให้กับมือผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรเก็บไว้ตรวจสอบ
ด้านนายเธียรชัยฯ ผู้ว่าฯจ.ชุมพร เปิดเผยว่า
รับปากว่าจะติดตามเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนเพราะเป็นคดีความแล้วเรื่องอยู่ที่สภ.สลุย เบื้องต้นทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง เท็จจริงประการใดขอตรวจสอบตามพยานหลักฐานที่ปรากฏก่อน หากมีความผิดจริงก็จะลงโทษทางวินัยอย่างแน่นอน
ผู้ว่ามาทำงานให้คนชุมพร ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับใครไม่ต้องกังวล” ผู้ว่าฯ กล่าว
....................................................
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น