สส.-ชาวบ้าน ร่วมหมื่น แถลงจุดยืน รัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้กำลังใจแม่ทัพภาค 2

ตู้ทึบใช้แอพเช็คด่านตำรวจ แต่พลาดท่าขับแซงตำรวจทางหลวง
เลยเรียกตรวจพบแรงงานต่างด้าวเถื่อนเต็มตู้ สารภาพทำมาแล้ว 5 ครั้ง แต่พลาดมาแซงเลยไม่รอด
โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 21 เม.ย. 68 ขณะที่ ร.ต.อ.ปัญญาวุฒิ ทองคำ รอง สว. ส.ทล.4 กก. 2 บก.ทล.(ชุมพร),พร้อมด้วยตำรวจทางหลวงชุมพร ชุด ผบ.หมู่ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.ชุมพร ประกอบด้วย
ด.ต.สายชล ตั้งวงค์, ด.ต.พัทธนันท์
แดงกระจ่าง และ ด.ต.วงศ์วริศ ทรัพย์คนาสกุล ได้นำรถวิทยุตรวจการณ์ 2401 ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) กม.ที่ 480+500 (ขาออก)
ตำบลวังไผ่ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร
จนพบรถยนต์กระบะตู้ทึบ
ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-MAX สีเทา ทะเบียน
ผท 9293 นครปฐม มีลักษณะบรรทุกของหนัก
ขับแซงขึ้นมาในช่องทางขวาด้วยความเร็วมุ่งหน้าลงใต้อย่างผิดสังเกต
จึงได้ขับรถติดตาม พร้อมส่งสัญญาณเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบ
แต่รถยนต์คันดังกล่าวได้พยายามขับหลบหนี จนมาถึงเนินถ้ำกอง
ก่อนถึงสถานีตำรวจทางหลวงชุมพร เพียง 200 เมตร
คนขับได้ขับรถเลี้ยวซ้ายเข้าไปในถนนหมู่บ้านสายเพชรเกษม-ดอนเมือง แต่ด้วยไม่ชินทาง
จึงยอมจอดริมทาง ให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้น
ทราบชื่อคนขับคือนายวิวัฒน์ฯ อายุ 34 ปี ชาวตำบลวังหมี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และมีนายลิขิต อายุ 33 ปี ชาวซอยชุมชนเชิงสะพานคลองตัน
แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร นั่งโดยสารมาด้วยด้านเบาะซ้าย
โดยทั้งสองมีท่าทางลุกลี้ลุกลนและแสดงท่าทางมีพิรุธ
ประกอบกับเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงคล้ายคนพูดคุยกันในตู้ทึบ จึงขอทำการตรวจค้น
โดยได้รับความยินยอมจากทั้งสองเป็นผู้เปิดให้ตรวจสอบ
พบแรงงานต่างด้าว
จำนวน 17 ราย แบ่งเป็นชาย 11 ราย หญิง 6 ราย นั่งอัดอยู่กับกระเป๋าเดินทาง จำนวนมากภายในตู้ทึบ
จากการตรวจสอบเบื้องต้นทุกคนไม่มีเอกสารมาแสดงแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายวิวัฒน์และนายลิขิต
พร้อมแรงงานต่างด้าวทั้งหมดและรถของกลางมาสถานีตำรวจทางหลวงชุมพร
เพื่อดำเนินการตรวจสอบโดยละเอียด
จากการสอบสวนแรงงานต่างด้าวทั้งหมด
โดยผ่านล่าม ทราบว่า เป็นชาวเมียนมา ที่นับถือศาสนาพุทธ จำนวน 5 คน นับถือศาสนาฮินดู 8 คน
และนับถืออิสลาม 4 คน
โดยทุกคนได้เดินทางมาจากรัฐยะไข่และเมาะละแมง มารวมตัวที่จุดพักบริเวณชายแดน
จ.กาญจนบุรี ก่อนจะเดินเท้ามาเส้นทางธรรมชาติ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 68
ขึ้นรถยนต์กระบะตู้ทึบในฝั่งประเทศไทย 3-4 คัน จนมาถึง
จ.สมุทรสาคร วันที่ 20 เมษายน 68 มีคนคุมซึ่งเป็นชาวเมียนมา
จัดการให้เข้าพักในบ้านเช่าโดยไม่ทราบว่าที่ไหน โดยคนคุมได้ให้ทุกคนอาบน้ำกินข้าว
แล้วก็ขึ้นรถยนต์กระบะคันดังกล่าว ออกมาเพื่อเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย
โดยจะเสียค่านายหน้าคนละ 5 หมื่นบาท
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนนายวิวัฒน์
ได้ให้การรับสารภาพว่า
บุคคลต่างด้าวทั้งหมดไม่มีหนังสือเดินทางและเข้ามาโดยผิดกฎหมายจริง
โดยตนเองพร้อมด้วยนายลิขิต ได้รับการว่ารับจ้างจากชาวเมียนมาชื่อ
“ยินซัน”ให้ไปรับแรงงานเถื่อนทั้งหมดบริเวณมหาชัยเมืองใหม่ โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงิน
40,000 บาท โดยได้รับเงินค่าน้ำมันล่วงหน้ามาแล้ว 10,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 30,000 บาท
จะโอนให้หลังจากส่งบุคคลต่างด้าวถึงจุดหมายปลายทางแล้วสองวัน
โดยจุดหมายปลายทางที่กำหนดคือรีสอร์ทแห่งหนึ่ง(ลานนา)ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
และเมื่อถึงจุดหมาย ยินซัน ได้ให้ติดต่อบุคคลปลายทางตามหมายเลขโทรศัพท์ 082-715-18xx
นายวิวัฒน์ ให้การว่า
โดยตนเองจะให้เงิน 5,000
บาทกับนายลิขิต เป็นค่านั่งเป็นเพื่อนต่อเที่ยว
ซึ่งที่ผ่านมาได้ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเถื่อนมาแล้ว 5 ครั้ง และในการหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พวกตนได้ใช้วิธีตรวจสอบเส้นทางล่วงหน้า โดยใช้งานผ่านแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือ
ได้แก่ แอปพลิเคชัน “ด่านตรวจ” และ “Traffic D Pro” เพื่อดูข้อมูลจุดตั้งด่านตรวจ
และเส้นทางการจราจร เพื่อลักลอบขนย้ายแรงงานต่างด้าวเถื่อนหลบหนีการจับกุม
แต่ครั้งนี้ไม่รอด ก็เป็นเพราะตนเองใจดีสู้เสือ เห็นรถตำรวจทางหลวงวิ่งอยู่เลนซ้าย
และคิดว่าคงไม่มีอะไร จึงได้ขับแซงขึ้นมา แต่ไม่รอด ถูกตำรวจเรียกให้จอด
แม้จะพยายามหนี แต่ไม่รอด ถูกจับได้ในที่สุด
นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบประวัตินายวิวัฒน์ พบว่ามีหมายจับของศาลแขวงสมุทรปราการ หมายเลข จ.213/2567 ลงวันที่ 28 พ.ย. 2567 ในข้อกล่าวหาความผิดฐาน”ยักยอกทรัพย์” จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับ
นายวิวัฒน์ และนายลิขิต ฐานความผิด
“ผู้ใดรู้ว่าคนต่างด้าวคนใด เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้
ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”
และแจ้งข้อกล่าว ฐานความผิด “ยักยอกทรัพย์”กับนายวิวัฒน์อีกหนึ่งคดี
ส่วนแรงงานต่างด้าว 17 คน เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา “
เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอานาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร
เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
..............................................................
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น