ชาวบ้านอำเภอท่าแซะเดือดร้อนหนักปัญหาพื้นที่ทับซ้อนป่าอุทยานฯ

รูปภาพ
  เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 68 ที่โรงเรียนบ้านบางไม้แก้วประชาสามัคคี  ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร คณะคณะกรรมาธิการที่ดินธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสภาผู้แทนราษฎร เดินทางลงพื้นที่เพื่อสัมมนา “การพัฒนาและบริหารจัดการด้านที่ดิน  ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย นายสันต์  แซ่ตั้ง  สส.ชุมพร เขต 2 พรรครวมไทยสร้าง ชาติ รองประธานกรรมาธิการฯคนที่ 4  นายสุพจน์  ภู่รัตนาโอภา  รองอธิบดีกรมป่าไม้  นางสายสุดใจ  ชนาเชาวฤทธิ์  ผอ.สำนักทรัพยากรธรรมชาติจังหวัดชุมพร สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชุมพร แทนผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร   นายธนานันท์  พุทธนวล  ผู้แทนกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช  นายลิขิต  สุขเยาว์  ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง   นายสามารถ  เจียวยี  การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดชุมพร  และนายกฤษ  แก้วรักษ์ รอง นายก อบจ.ชุมพร         ทั้งนี้เพื่อ 1. ติดตามความคืบหน้าการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนภายใต้คณะกรร...

เผาแล้วนักเรียน ม.1วัย 13 ปีเก็บร่างกว่า 2 เดือนร้องขอความเป็นธรรม

 

      จากกรณีน.ส.โอ มา ทาน วัย 50 ปีและร.ต.ท.หญิง เพ็ญจันทร์ พรหมเจียม  ญาติฝ่ายสามีน.ส.โอ มา ทาน  ใจสู้เก็บร่างไร้ลมหายใจของเด็กชาย อานนท์ หรือจอม แซ่ลิ้ม อายุ 13 ปี ลูกชาย นักเรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน


อำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร หลังจากขับรถจยย.ไปเที่ยวคนเดียวระหว่างทางถูกกลุ่มวัยรุ่น 3 คนเรียกให้หยุดก่อนรุมทำร้ายทั้งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน พาร่างสะบักสะบอมฟกซ้ำกลับบ้านนอนซมเก็บตัวในห้องกลัวแม่รู้ สุดท้ายอาการหนักลำตัว และเบ้าตา บวมฟกช้ำ เป็นไข้ ต้องหามส่งโรงพยาบาลนอนรักษาห้องไอซียู 5 วันก่อนเสียชีวิต



      แม่และญาติติดใจ เพราะในหนังสือรับรองการตายระบุ เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว แม่และญาติลงความเห็นว่าจะเก็บศพไว้ที่วัด ร้องขอความเป็นธรรมจนกว่าตำรวจจะจับตัวกลุ่มวัยรุ่นได้  เพราะเชื่อว่าลูกชายไม่ได้เสียชีวิตเพราะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ตามที่แพทย์ระบุในหนังสือรับรองการตายมีสุขภาพแข็งแรงดี แต่หากผลพิสูจน์การตายด้วยอาการป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวจริง การที่เด็กชายจอมวัย 13 ปี ถูกทำร้ายร่างกายบอบช้ำเป็นต้นเหตุให้โรคกำเริบจนถึงแก่ความตายหรือไม่ ซึ่งรอการพิสูจน์



       ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 25 พ.ค.68 น.ส.โอ มา ทาน สัญชาติเมียนมา  ผู้เป็นแม่และร.ต.ท.หญิง เพ็ญจันทร์ พรหมเจียม ญาติฝ่ายสามีน.ส.โอ มา ทาน ตัดสินใจฌาปนกิจร่างของเด็กชาย อานนท์ หรือ น้องจอม ที่เมรุวัดหอระฆังหมู่ 4 ตำบลนากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยบรรยากาศเงียบมีเพียงญาติประมาณ 10 คนและเพื่อนๆของเด็กชายจอมประมาณ 25 คน เดินทางมาร่วมพิธีฌาปนกิจ ซึ่งพิธีก็เป็นไปด้วยความเรียบง่ายพระสงฆ์จำนวน 4 รูปสวดพุทธมนต์ก่อนวางดอกไม้ใจในโลงศพก่อนเคลื่อนเข้าเมรุพร้อมประชุมเพลิง


        ด้านเด็กชายโอ๊ต(นามสมมติ) อายุ 14 ปี เพื่อนเรียนห้องเดียวกัน เล่าว่า จอมเป็นเพื่อนนิสัยดี ไม่เกเร  การเรียนใช้ได้ ถ้าเที่ยวก็จะเที่ยวด้วยกัน แต่วันเกิดเหตุจอมไปคนเดียว  จอมถ้ามีปัญหาก็จะไม่ค่อยเล่าให้ฟังจึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น

       ส่วนนายโอม อายุ 17 ปี เพื่อนในกลุ่มแชทในแมสเซนเจอร์เฟซบุ๊ก เล่าว่าจอมตั้งกลุ่มเพื่อนมีแค่ 4 คน จอมได้ส่งคลิปเสียงเข้ามาในกลุ่มว่าถูกทำร้าย ตนถามว่าใครทำ จอมบอกว่าไม่รู้ใครไม่รู้จัก

         น.ส.โอ มา ทาน ผู้เป็นแม่เด็กและร.ต.ท.หญิง เพ็ญจันทร์ พรหมเจียม ญาติ  กล่าวว่า เรื่องคดียังมีความเชื่อมั่นว่า ถ้าตำรวจทำเต็มที่ และตั้งใจทำ  ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ภายใต้ดวงอาทิตย์ ไม่เกินความสามารถตำรวจไทย จึงร้องขอความช่วยเหลือให้เร่งรัดติดตามคนที่ทำร้ายน้องจอม  มารับโทษในสิ่งที่เขาทำ ตั้งแต่เข้าแจ้งความวันที่ 9 มีนาคม จนถึงวันนี้ผ่านไปประมาณ 2 เดือน 25 วัน ยังไม่คืบหน้าจับคนร้ายยังไม่ได้ อย่างไรก็ขอความอนุเคราะห์ด้วย

         ส่วนสาเหตุที่นำร่างฌาปนกิจเพราะว่าน้องจอมไปเข้าฝันเพื่อนบ้านผู้เป็นแม่ว่าต้องการให้เผาร่าง อีกอย่างการเก็บร่างไว้ต้องเช่าโลงแอร์เสียค่าใช้จ่ายให้ร้านเช่าแล้วหลายหมื่นบาทหรือตกวันละ 500 บาท น.ส. โอ มา ทาน บอกว่าตนรับจ้างตัดยางมีรายได้แค่ประมาณ 450 บาท ต้องกู้หนี้ยืมสินมาเป็นค่าใช้จ่ายด้วยเหตุผล 2 ประการนี้จึงตัดสินใจเผาร่างลูกชาย

        ทางด้านพ.ต.อ.ฉลาด  พลนาการ ผกก.สภ.ท่าแซะ เจ้าของคดี  กล่าวว่า  กรณีคดีเด็กวัย 13 ปี ถูกทำร้ายและเสียชีวิต ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ รับทราบจากพนักงานสอบสวนว่าเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2568 มารดาเด็กมาแจ้งความต่อ พ.ต.ต.หญิง นันทิยา  รักดี เวรสอบสวน เบื้องต้นทราบว่าวันที่ 28 ก.พ.ช่วงเที่ยงผู้ตายได้ขับจยย.ออกจากบ้านกลับมาช่วงเย้นและขับออกไปอีกลับเข้าบ้านวันที่ 1 มีนาคม ประมาณอีก 2 วันมารดาสังเหตุเห็นมีรอยฟกช้ำที่ตัวผู้ตาย สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นลุกชายบอกว่าล้มเอง หลังจากนั้นอาการทรุดลงเรื่อย มารดาจึงพาไปรักษาตัวที่รพ.ท่าแซะ  ขณะรักษาตัวแพทย์ตรวจพบว่าผู้ตายป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวด้วย และเล่าให้บุคคล คนหนึ่งที่ไปเยี่ยมว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายมา

ผกก.สภ.ท่าแซะ

       หลังจากนั้นส่งตัวไปรักษาที่รพ.ชุมพรฯและได้ถึงแก่ความตาย การเสียชีวิตเป็นประเด็นสำคัญ ทางพนักงานสอบสวนจึงได้ประสานไปที่สภ.เมืองชุมพรให้ส่งศพไปพิสูจน์ที่นิติเวชรพ.สุราษฎร์ธานี เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ปรากฏผลรายละเอียดอย่างที่เห็นตามข่าว เรื่องนี้ต้องแยกเป็นสองส่วน   ส่วนแรกเรื่องติดตามจับกุมตัวกลุ่มที่ร่วมกันทำร้ายผู้ตายประเด็นหนึ่ง ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจท่าแซะ

         ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดให้จงได้  ส่วนประเด็นที่สองเรื่องสาเหตุการเสียชีวิต สภ.เมืองชุมพรได้รีบทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ ส่งพนักงานอัยการเพื่อยื่นต่อศาลไต่สวน หาสาเหตุการตายแท้จริงของผู้ตาย เนื่องจากมารดาติดใจสาเหตุการตายและติดใจคำวินัจฉัยของแพทย์ผุ้ชันสูตรพลิกศพ ซึ่งการไต่สวนหาสาเหตุการตายนั้นต้องใช้เวลาพอสมควร

     ส่วนสภ.ท่าแซะเมื่อได้รับเอกสารทั้งหมดจากสภ.เมืองชุมพร เช่น สำนวนชันสูตรพลิกศพ คำร้องอัยการหรือคำสั่งของศาลก็แล้วแต่จะได้นำประกอบสำนวนการสอบสวน และจะได้ดำเนินการรวมเข้าสำนวนการสอบสวนคดีที่กลุ่มคนทำร้ายเด็ก จะได้พิสูจน์ทราบกันอีกครั้งหนึ่งเร่งหาตัวคนร้ายดำเนินคดีต่อไป  

       ผกก.สภ.ท่าแซะ  กล่าวทิ้งท้ายว่า นำเรียนทางญาติน้องผู้เสียชีวิตว่า ตำรวจสภ.ท่าแซะเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นและมีความห่วงใยเพราะน้องที่เสียชีวิตอายุแค่ 13 ปี เหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น จะติดตามสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด มาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด ขอให้ทางญาติ แม่ผู้ปกครองเด็กสบายใจได้”

....................................................................


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หนุ่มก่อสร้างซดเหล้าขาววันละ 4 ขวดหายตัว 7 วันพบนอนจมโคลนป่าโกงกาง

สลดใจ แม่พาลูกชายส่งรักษาบำบัด รพ.รัฐแต่ถูกปฏิเสธ สุดท้ายหลอนผูกคอดับ

ชาวบ้านไม่ทนโพสแฉ ผญบ.ร่วมแทงพนันไฮโลกันโจ๋งครึ้มในงานศพ เข้าข่ายผิดทั้งวินัยและอาญา