ชาวบ้านอำเภอท่าแซะเดือดร้อนหนักปัญหาพื้นที่ทับซ้อนป่าอุทยานฯ

จากกรณีน.ส.โอ มา ทาน วัย 50 ปีและร.ต.ท.หญิง เพ็ญจันทร์ พรหมเจียม ญาติฝ่ายสามีน.ส.โอ มา ทาน ใจสู้เก็บร่างไร้ลมหายใจของเด็กชาย อานนท์ หรือจอม แซ่ลิ้ม อายุ 13 ปี ลูกชาย นักเรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งใน
อำเภอท่าแซะ
จ.ชุมพร หลังจากขับรถจยย.ไปเที่ยวคนเดียวระหว่างทางถูกกลุ่มวัยรุ่น 3 คนเรียกให้หยุดก่อนรุมทำร้ายทั้งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
พาร่างสะบักสะบอมฟกซ้ำกลับบ้านนอนซมเก็บตัวในห้องกลัวแม่รู้ สุดท้ายอาการหนักลำตัว
และเบ้าตา บวมฟกช้ำ เป็นไข้ ต้องหามส่งโรงพยาบาลนอนรักษาห้องไอซียู 5 วันก่อนเสียชีวิต
แม่และญาติติดใจ
เพราะในหนังสือรับรองการตายระบุ เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว
แม่และญาติลงความเห็นว่าจะเก็บศพไว้ที่วัด
ร้องขอความเป็นธรรมจนกว่าตำรวจจะจับตัวกลุ่มวัยรุ่นได้ เพราะเชื่อว่าลูกชายไม่ได้เสียชีวิตเพราะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ตามที่แพทย์ระบุในหนังสือรับรองการตายมีสุขภาพแข็งแรงดี แต่หากผลพิสูจน์การตายด้วยอาการป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวจริง
การที่เด็กชายจอมวัย 13 ปี ถูกทำร้ายร่างกายบอบช้ำเป็นต้นเหตุให้โรคกำเริบจนถึงแก่ความตายหรือไม่
ซึ่งรอการพิสูจน์
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 25 พ.ค.68 น.ส.โอ มา
ทาน สัญชาติเมียนมา ผู้เป็นแม่และร.ต.ท.หญิง
เพ็ญจันทร์ พรหมเจียม ญาติฝ่ายสามีน.ส.โอ มา ทาน ตัดสินใจฌาปนกิจร่างของเด็กชาย
อานนท์ หรือ น้องจอม ที่เมรุวัดหอระฆังหมู่ 4 ตำบลนากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
โดยบรรยากาศเงียบมีเพียงญาติประมาณ 10
คนและเพื่อนๆของเด็กชายจอมประมาณ 25 คน
เดินทางมาร่วมพิธีฌาปนกิจ ซึ่งพิธีก็เป็นไปด้วยความเรียบง่ายพระสงฆ์จำนวน 4 รูปสวดพุทธมนต์ก่อนวางดอกไม้ใจในโลงศพก่อนเคลื่อนเข้าเมรุพร้อมประชุมเพลิง
ด้านเด็กชายโอ๊ต(นามสมมติ)
อายุ 14 ปี เพื่อนเรียนห้องเดียวกัน เล่าว่า จอมเป็นเพื่อนนิสัยดี ไม่เกเร การเรียนใช้ได้ ถ้าเที่ยวก็จะเที่ยวด้วยกัน แต่วันเกิดเหตุจอมไปคนเดียว
จอมถ้ามีปัญหาก็จะไม่ค่อยเล่าให้ฟังจึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น
ส่วนนายโอม อายุ 17 ปี เพื่อนในกลุ่มแชทในแมสเซนเจอร์เฟซบุ๊ก เล่าว่าจอมตั้งกลุ่มเพื่อนมีแค่
4 คน จอมได้ส่งคลิปเสียงเข้ามาในกลุ่มว่าถูกทำร้าย
ตนถามว่าใครทำ จอมบอกว่าไม่รู้ใครไม่รู้จัก
น.ส.โอ มา ทาน ผู้เป็นแม่เด็กและร.ต.ท.หญิง
เพ็ญจันทร์ พรหมเจียม ญาติ กล่าวว่า เรื่องคดียังมีความเชื่อมั่นว่า
ถ้าตำรวจทำเต็มที่ และตั้งใจทำ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้
ภายใต้ดวงอาทิตย์ ไม่เกินความสามารถตำรวจไทย จึงร้องขอความช่วยเหลือให้เร่งรัดติดตามคนที่ทำร้ายน้องจอม มารับโทษในสิ่งที่เขาทำ
ตั้งแต่เข้าแจ้งความวันที่ 9 มีนาคม จนถึงวันนี้ผ่านไปประมาณ
2 เดือน 25 วัน
ยังไม่คืบหน้าจับคนร้ายยังไม่ได้ อย่างไรก็ขอความอนุเคราะห์ด้วย
ส่วนสาเหตุที่นำร่างฌาปนกิจเพราะว่าน้องจอมไปเข้าฝันเพื่อนบ้านผู้เป็นแม่ว่าต้องการให้เผาร่าง
อีกอย่างการเก็บร่างไว้ต้องเช่าโลงแอร์เสียค่าใช้จ่ายให้ร้านเช่าแล้วหลายหมื่นบาทหรือตกวันละ
500 บาท น.ส. โอ มา ทาน บอกว่าตนรับจ้างตัดยางมีรายได้แค่ประมาณ 450 บาท ต้องกู้หนี้ยืมสินมาเป็นค่าใช้จ่ายด้วยเหตุผล 2 ประการนี้จึงตัดสินใจเผาร่างลูกชาย
ทางด้านพ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.ท่าแซะ เจ้าของคดี กล่าวว่า
กรณีคดีเด็กวัย 13 ปี
ถูกทำร้ายและเสียชีวิต ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้
รับทราบจากพนักงานสอบสวนว่าเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2568 มารดาเด็กมาแจ้งความต่อ พ.ต.ต.หญิง นันทิยา รักดี เวรสอบสวน เบื้องต้นทราบว่าวันที่ 28
ก.พ.ช่วงเที่ยงผู้ตายได้ขับจยย.ออกจากบ้านกลับมาช่วงเย้นและขับออกไปอีกลับเข้าบ้านวันที่
1 มีนาคม ประมาณอีก 2
วันมารดาสังเหตุเห็นมีรอยฟกช้ำที่ตัวผู้ตาย
สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นลุกชายบอกว่าล้มเอง หลังจากนั้นอาการทรุดลงเรื่อย
มารดาจึงพาไปรักษาตัวที่รพ.ท่าแซะ ขณะรักษาตัวแพทย์ตรวจพบว่าผู้ตายป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวด้วย
และเล่าให้บุคคล คนหนึ่งที่ไปเยี่ยมว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายมา
หลังจากนั้นส่งตัวไปรักษาที่รพ.ชุมพรฯและได้ถึงแก่ความตาย
การเสียชีวิตเป็นประเด็นสำคัญ ทางพนักงานสอบสวนจึงได้ประสานไปที่สภ.เมืองชุมพรให้ส่งศพไปพิสูจน์ที่นิติเวชรพ.สุราษฎร์ธานี
เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ปรากฏผลรายละเอียดอย่างที่เห็นตามข่าว
เรื่องนี้ต้องแยกเป็นสองส่วน
ส่วนแรกเรื่องติดตามจับกุมตัวกลุ่มที่ร่วมกันทำร้ายผู้ตายประเด็นหนึ่ง
ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจท่าแซะ
ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดให้จงได้ ส่วนประเด็นที่สองเรื่องสาเหตุการเสียชีวิต
สภ.เมืองชุมพรได้รีบทำสำนวนชันสูตรพลิกศพ ส่งพนักงานอัยการเพื่อยื่นต่อศาลไต่สวน
หาสาเหตุการตายแท้จริงของผู้ตาย
เนื่องจากมารดาติดใจสาเหตุการตายและติดใจคำวินัจฉัยของแพทย์ผุ้ชันสูตรพลิกศพ
ซึ่งการไต่สวนหาสาเหตุการตายนั้นต้องใช้เวลาพอสมควร
ส่วนสภ.ท่าแซะเมื่อได้รับเอกสารทั้งหมดจากสภ.เมืองชุมพร เช่น
สำนวนชันสูตรพลิกศพ คำร้องอัยการหรือคำสั่งของศาลก็แล้วแต่จะได้นำประกอบสำนวนการสอบสวน
และจะได้ดำเนินการรวมเข้าสำนวนการสอบสวนคดีที่กลุ่มคนทำร้ายเด็ก
จะได้พิสูจน์ทราบกันอีกครั้งหนึ่งเร่งหาตัวคนร้ายดำเนินคดีต่อไป
ผกก.สภ.ท่าแซะ กล่าวทิ้งท้ายว่า
นำเรียนทางญาติน้องผู้เสียชีวิตว่า ตำรวจสภ.ท่าแซะเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
ที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นและมีความห่วงใยเพราะน้องที่เสียชีวิตอายุแค่ 13 ปี เหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น จะติดตามสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด
มาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด ขอให้ทางญาติ แม่ผู้ปกครองเด็กสบายใจได้”
....................................................................
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น