ชาวบ้านไม่ทนโพสแฉ ผญบ.ร่วมแทงพนันไฮโลกันโจ๋งครึ้มในงานศพ เข้าข่ายผิดทั้งวินัยและอาญา

ชาวบ้าน ทหารผ่านศึก นับพันฮือบุกสวนปาล์มหมดสัมปทานกว่า 2 หมื่นไร่ จัดตั้งเวรยามจับแก๊งพุงกาง หลังรัฐเกียร์ว่างมานานนับ 10 ปี ปล่อยนายทุน กลุ่มอิทธิพล
เข้าเก็บผลิตผลิตขายกอบโกยวันละหลายล้านบาท วอนนำมาจัดสรรให้ผู้ยากไร้ได้ทำกิน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 15 พ.ค.68 ได้มีชาวบ้านและกลุ่มอดีตทหารผ่านศึก มารวมตัวกันมากกว่า 1 พันคน ที่ริมถนนทางเข้าสวนปาล์มน้ำมันพื้นที่หมดสัมปทานแล้ว
ในแปลงที่ 2 ซึ่งมีพื้นที่กว่า 1 หมื่นไร่ หมู่ที่ 13 ตำบลหงษ์เจริญ
อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้องลงมาชี้แจงว่าทำไม
พื้นที่สวนปาล์มหมดสัมปทานนานนับ 10 ปีแล้ว
แต่ยังมีนายทุน กลุ่มบุคคล หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "แก๊งพุงกาง"
ได้นำแรงงานต่างด้าวเข้าไปเก็บผลผลิตออกมาขาย กอบโกยรายได้วันละมากกว่า 1 ล้านบาท พร้อมกับเรียกร้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้องนำที่ดินหมดสัมปทานทั้งหมดมาบริหารจัดการและจัดสรรให้กับราษฎรผู้ไร้ที่ทำกิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่ชาวบ้านจำนวนมากทยอยไปรวมตัวกันที่ปากทางเข้าสวนปาล์มหมดสัมปทานดังกล่าว
ได้มีแรงงานต่างด้าวจำนวนหนึ่งกำลังตัดปาล์มอยู่ เมื่อเห็นชาวบ้านมารวมตัวกันมาก
ต่างตกใจพากันวิ่งหนีทิ้งปาล์มทะลายไว้ใต้โคนจำนวนมาก ซึ่งได้มีชาวบ้านหลายรายเข้าไปเอาปาล์มมาใส่กระบะรถยนต์ของตนเอง
รวมๆกันแล้วมากกว่า 1 ตัน เพื่อนำไปขาย
ต่อมาตัวแทนชาวบ้านนำโดย
นายประคอง จิตประสงค์ หรือ “ผู้ใหญ่หยีต” อดีตผู้ใหญ่บ้าน ส.ต.บุญรอด อินทรีย์
อดีตทหารผ่านศึก พลฯวิฑูร กลับดีประธาน อดีตทหารผ่านศึก
สลับกันขึ้นเวทีรถเครื่องเสียง กล่าวพูดคุยกับชาวบ้าน ถึงเหตุผลที่ต้องมารวมตัวกัน
โดยตัวแทนชาวบ้านกล่าวว่า พวกตนพร้อมชาวบ้านและกลุ่มทหารผ่านศึก
ได้มาขอใช้ศาลาประชาคมหมู่บ้าน หมู่ 13 ตำบลหงษ์เจริญ
อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เป็นศูนย์รวมตัวพบปะกันมานานประมาณ 1 เดือนแล้ว
เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาชี้แจงให้คำตอบกับชาวบ้านถึงกรณีดังกล่าวข้างต้น
และเคยเดินทางไปยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรมาแล้ว
จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบใดๆ
ตัวแทนชาวบ้านกล่าวว่า
วันนี้ต้องได้คำตอบจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องว่า (1.)พื้นที่สวนปาล์มหมดสัมปทานจำนวน 2 แปลง
ในป่าสงวนแห่งชาติป่าสลุย ป่ารับร่อ รวมกว่า 23,000 ไร่
ของอำเภอท่าแซะ ซึ่งอยู่ในตำบลรับร่อกว่า 1 หมื่นไร่
และตำบลหงษ์เจริญอีกกว่า 1 หมื่นไร่
ว่ายังเป็นสิทธิ์ของบริษัทอยู่หรือไม่
และบริษัทยังมีสิทธิ์เก็บเกี่ยวผลปาล์มน้ำมันได้อยู่หรือไม่ (2.) พื้นที่ป่าหมดสัมปทานทั้ง 2 แปลง
หลังหมดสัญญาสัมปทานพื้นที่ดังกล่าวได้กลับคืนมาเป็นของรัฐแล้วหรือยัง
หรือยังเป็นสิทธิ์ของบริษัทเอกชนอยู่ หากไม่มีหน่วยงานรัฐใดมาชี้แจ้ง
หรือให้ความชัดเจน ชาวบ้านก็จะมาปักหลักทวงถามทุกวัน จนกว่าจะได้คำตอบ
และชาวบ้านทุกคนก็จะใช้สิทธิ์เข้าไปเก็บเกี่ยวผลปาล์มเหมือนกัน
ต่อมาเวลา 14.30 น. นายสมิทธิพล อุ่นสา นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ กรมป่าไม้
พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในพื้นที่รับผิดชอบ กว่า 10 นาย
ได้เดินทางมาพบพร้อมพูดคุยชี้แจงทำความเข้าใจกับตัวแทนและชาวบ้านว่า
เราจะพูดคุยกันด้วยเหตุและผล ขอชาวบ้านอย่าเข้าไปทำอะไรในพื้นที่หมดสัมปทาน
เพราะจะเป็นการทำผิดกฎหมาย
นายสมิทธิพล กล่าวว่า
พื้นที่ดังกล่าวกว่า 2 หมื่นไร่
ได้หมดสัมปทานไปนานแล้วเมื่อประมาณปี พ.ศ.2557
ซึ่งต่อมาบริษัทได้ยื่นขอต่อสัมปทาน
แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการต่อสัมปทานใหม่แต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่บริษัทยื่นขอให้ศาลปกครองคุ้มครอง
ซึ่งศาลก็คุ้มครองเฉพาะพื้นที่และทรัพย์สินของบริษัทเท่านั้น
นายสมิทธิพล
กล่าวว่า ดังนั้นเมื่อบริษัทหมดสัมปทานและยังไม่มีการอนุญาตต่อสัมปทานใหม่
ผืนป่าทั้งหมดกว่า 2 หมื่นไร่
ก็กลับมาอยู่ในความดูแลขอกรมป่าไม้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบริษัท หรือชาวบ้าน
ก็ไม่สามารถเข้าไปเก็บของป่าผลปาล์มน้ำมันได้ ถือว่าผิดกฎหมาย แต่พื้นที่มีมากกว่า
2 หมื่นไร่ การดูแลก็คงไม่ทั่วถึง แต่ก็จะพยายามจัดกำลังให้มากขึ้น
ซึ่งตอนนี้ขั้นตอนกระบวนการต่างๆทั้งในระดับจังหวัด กรมป่าไม้
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการมีความคืบหน้าไปมากแล้ว
ขอให้ชาวบ้านใจเย็นๆรออีกสักหน่อย เพราะรัฐบาลก็มีนโยบายที่จะจัดสรรที่ดินทำกินให้กับประชาชนอยู่แล้ว
อย่าเข้าไปทำอะไรที่ผิดกฎหมาย
ซึ่งหากถูกจับกุมมีการตรวจสอบประวัติเราอาจจะเสียสิทธิ์ตามนโยบายของรัฐ
หลังจากตัวแทนและชาวบ้านได้ฟังคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้
แล้ว ต่างก็ปรบมือแสดงความดีใจที่ให้ความชัดเจนกับชาวบ้าน ต่อมาเวลา 16.00 น. ตัวแทนชาวบ้านและชาวบ้าน
ได้กลับมารวมตัวกันที่ศาลาประชาคมหมู่บ้าน หมู่ที่ 13 ตำบลหงษ์เจริญ
โดยตัวแทนชาวบ้านได้ประชุมร่วมกันแล้วมีมติ
ให้จะจัดตั้งชุดเวรยามประจำจุดทางเข้าออกบริเวณพื้นที่สวนปาล์มหมดสัมปทาน
เพื่อตรวจสอบ แจ้งเบาะแส แจ้งจับกุม กลุ่มแก๊งพุงกาง กลุ่มแรงงานต่างด้าว
ที่เข้าไปตัดปาล์มในพื้นที่ดังกล่าว และตรวจสอบรถบรรทุกปาล์มที่วิ่งออกมาจากพื้นที่ป่าหมดสัมปทานดังกล่าวด้วย
เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
.....................................................................
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น