รวมแก๊ง“ขุนเดช”ลอบขนไม้พะยูง มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท จากชายแดนใต้ส่งฝั่งโขง จ.หนองคาย

รูปภาพ
ตำรวจทางหลวงชุมพรรวบรวมแก๊ง“ขุนเดช”ลอบขนไม้พะยูง มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท จากชายแดนใต้ส่งฝั่งโขง จ.หนองคาย  คนขับรถคันดังกล่าวรับงาน ผ่านทางแอบพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งใช้ชื่อ”ขุนเดช” ได้รับค่าจ้างครั้งล่ะ 15,000 บาท        เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 มิถุนายน 68 พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล.พร้อมด้วย ร.ต.ท.ทวีศักดิ์ สมบุญ รอง สว.(ป.) กก.5 บก.ปทส. , ร.ต.อ.จำนง เต็งประยูร รอง สว.กก.สส.ภ.จว.ชพ.   พ.ต.กอบศักดิ์ นาคหาญ จนท.ฝ่ายการข่าว กอ.รมน.ชุมพร และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ป่าไม้  ร่วมกันจับกุมตัว นายสมัย ฯ อายุ 31 ปี  ชาวอ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี พร้อมด้วยของกลางเป็น ไม้พะยูง ความยาวประมาณ 2 เมตร รวมทั้งสิ้น 73 ท่อน และรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 3 ฒฌ 59xx กทม.ในฐานความ ผิด “มีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ , นำไม้หวงห้ามเคลื่อนที่โดยไม่ได้รับอนุญาต(ไม่มีใบเบิกทาง) ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 39 ...

ตำรวจทางหลวงชุมพรรวบรถทัวร์โดยสารปรับอากาศลักลอบขนแรงงานเถื่อนซุกเต็มคัน

 

          เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 26 มิ.ย.68 พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.ชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.ท.สันติ มณีรัตน์ สว.ตม.ชุมพรพ.ต.ท.วิรัตน์ ฉิมมณี สว.สืบสวน ภ.จว.ชุมพร และ พ.ต.กอบศักดิ์ นาคหาญ กอ.รมน.ชุมพร และกำลังเจ้าหน้าที่ ร่วมจับกุม นายประสิทธิ์ฯอายุ 63 ปี ชาวอ.เมือง จ.สตูล คนขับรถทัวร์ มือ 1


 พร้อมด้วย นายทศพร ฯอายุ 34 ปี ชาวอ.สะเดา จ.สงขลา คนขับมือ 2 และนายศุภกิจ ฯ เด็กรถ อายุ 25 ปี ชาวอ.คุระบุรี จ.พังงา ที่ร่วมกันลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ จำนวน 47 คน  มากับรถทัวร์ปรับอากาศ ยี่ห้อ SCANIA สีขาว-ฟ้า ทะเบียน 14-23xx กทม. เป็นรถร่วมบขส.ของกลาง


          สืบเนื่องมาจาก เมื่อเวลา ประมาณ 02.30 น.วันที่ 26 มิถุนายน 68 ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้นำรถวิทยุตรวจการณ์หมายเลข 2408 ออกตรวจตราในพื้นที่รับผิดชอบป้องกันปราบปรามการกระทำผิดกฎหมาย จนมาถึงบริเวณ ทล.4 (เพชรเกษม) กม.483 (ขาล่องใต้) ม.9 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร   ได้พบรถทัวร์โดยสารต้องสงสัย ดังกล่าวขับมาในลักษณะแช่ขวายาวตลอดเส้นทางเดินรถ โดยได้แซงรถวิทยุขึ้นมาในช่องทางขวา เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตาม พร้อมส่งสัญญาณเรียกให้รถคันดังกล่าวหยุดเพื่อว่ากล่าวตักเตือน เมื่อเจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณให้หยุดแล้วนั้น รถคันดังกล่าวได้เร่งความเร็วลักษณะคล้ายจะหลบหนี



          และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสามารถส่งสัญญาณให้รถโดยสารประจำทางคันดังกล่าวหยุดแล้ว จึงได้ลงตรวจสอบพบว่า มีผู้ขับขี่ประจำรถเป็นชาย ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ นายประสิทธิ์ ฯ และมี นายทศพร ฯเป็นผู้ขับขี่ประจำรถคนที่ 2 และ นายศุภกิจ ฯซึ่งเป็นพนักงานประจำรถ  เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้สอบถามบุคคลทั้ง 3 คน ว่าเหตุใดจึงไม่จอดรถขณะที่เจ้าหน้าที่เรียกให้หยุด ทั้ง 3 คน กลับมีท่าทางพิรุธ ต้องสงสัย พูดจาวกไปวนมา

        จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขึ้นไปตรวจสอบบุคคลภายในรถทัวร์โดยสาร และพบว่าบุคคลที่นั่งมาในรถทัวร์โดยสารนั้น เป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา เป็นเพศชายจำนวน 30 คน และเพศหญิงจำนวน 16 คน และมีผู้ติดตามเพศหญิง 1 คน รวมทั้งหมด จำนวน 46คน และเด็ก1 คน โดยทั้งหมดไม่มีเอกสารแสดงตนหรือหลักฐานแสดงการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยสารมาร่วมกับผู้โดยสารซึ่งเป็นคนสัญชาติไทย

         ตรวจสอบพบว่ามีผู้โดยสารซึ่งเป็นคนต่างด้าวที่ได้ซื้อตั๋วและมีที่นั่งทั้งสิ้นจำนวน 20 คน  ตามตั๋วโดยสาร ส่วนที่เหลือไม่พบตั๋วโดยสาร โดยพบว่ามีคนต่างด้าวซุกซ่อนอยู่ในช่องนอนหลังเบาะผู้ขับขี่จำนวน 10 คน และซุกซ่อนอยู่ในช่องใส่กระเป๋าใต้ท้องรถอีกจำนวน 5 คน ส่วนที่เหลืออีก 11 คน นั่งกระจายอยู่บริเวณเบาะผู้โดยสารด้านหลังรถ พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือซ่อนเร้น ให้คนต่างด้าวที่เข้ามาโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม

         เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ขับขี่และพนักงานประจำรถที่รู้เห็นในการนำพาบุคคลต่างด้าวทั้ง 3 คน และบุคคลต่างด้าวทั้งหมด พร้อมรถของกลางมายังสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยละเอียด

               จากการสอบสวน นายประสิทธิ์ฯ ผู้ขับขี่ประจำรถ นายทศพรฯ และนายศุภกิจฯ ให้การรับสารภาพว่า บุคคลต่างด้าวทั้งหมดไม่มีหนังสือเดินทางและเข้ามาโดยผิดกฎหมาย ซึ่งขณะนำรถออกจากสถานีขนส่งสายใต้มีผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วจำนวน ทั้งสิ้น 20 คน และยอมรับว่าตนได้รับการว่าจ้างจากนายหน้าเป็นคนไทยไม่ทราบชื่อที่อยู่ ได้ติดต่อกันทาง

โทรศัพท์ ให้มารับบุคคลต่างด้าวที่ไม่มีเอกสารประจำตัวและไม่มีตั๋วโดยสารอีก จำนวน 2 จุด หลังจากออกจากสถานีขนส่งสายใต้ จุดแรกที่ จ.สมุทรสาคร และมารับจุดที่ 2 ที่ จ.สมุทรสงคราม ซึ่งจะมีเบอร์โทรของนายหน้าโทรมาหาและบอกจุดรับ-ส่ง ตลอดเส้นทาง โดยได้รับค่าจ้างรวมเป็นเงินประมาณ 50,000 บาท จะโอนให้หลังจากส่งบุคคลต่างด้าวถึงจุดหมายปลายทาง โดยจุดหมายปลายทางที่กำหนดคือจังหวัดสุราษฎร์ธานี

          เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับทั้ง 3 คน  ในข้อหา “ผู้ใดรู้ว่าคนต่างด้าวคนใด เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” พร้อมควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

………………………………………………


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หนุ่มก่อสร้างซดเหล้าขาววันละ 4 ขวดหายตัว 7 วันพบนอนจมโคลนป่าโกงกาง

ร.ท.ทหารเรือวัยเกษียณ เลือดร้อน ฉุนเพื่อนบ้านยิงผัวเจ็บเมียดับ

สลดใจ แม่พาลูกชายส่งรักษาบำบัด รพ.รัฐแต่ถูกปฏิเสธ สุดท้ายหลอนผูกคอดับ