หนุ่มหัวร้อนขับจยย.ใช้ปืนบีบีกันไล่ยิงตร.กลางเมืองชุมพร
เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น.วันที่ 20 ก.ค.68 ร.ต.อ.สหชาติ สังข์สม รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่ามีเหตุไล่ยิงกันที่บริเวณ หน้าร้านทองแห่งหนึ่ง บนถนนกรมหลวง ต.ท่าตะเภา อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร จึงรายงานให้พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร ทราบ พร้อมตำรวจชุดสืบสวนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จุดเกิดเหตุพบ ปลอกกระสุนปืน ไม่ทราบขนาด จำนวน 1 ปลอก อยู่ที่บริเวณด้านหน้าปั๊ม Pt ถนนกรมหลวงทิศทางมุ่งหน้าไปทางแยกแขวงทางหลวงชุมพร พยานผู้เห็นเหตุการณ์ ซึ่งนั่งอยู่บริเวณหน้าร้านทองแห่งหนึ่ง ให้การว่า
ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืน เป็นชายมีหนวด ขับขี่รถจักรยานยนต์ ถืออาวุธปืนไล่ยิงรถเก๋ง พนักงานสอบสวนและตำรวจชุดสืบสวนได้ตรวจสถานที่เกิดเหตุ เก็บพยานหลักฐานและเช็คกล้องวงจรปิดบริเวณบนถนนกรมหลวงเพื่อติดตามไล่ล่าผู้ก่อเหตุใช้เป็นเส้นทางในการหลบหนี
จากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียหายคือ ร.ต.ต.สุรพงษ์ กิจเจริญ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดสภ.เมืองชุมพร ทำหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงเช้าประมาณ 07.30 น.วันเดียวกันก่อนเกิดเหตุได้ขับรถเก๋งส่วนตัวกลับ
จากไปส่งลูกใช้เส้นทางถนนกรมหลวงใจกลางเมืองชุมพร มุ่งหน้าแยกแขวงทางหลวงชุมพร เมื่อถึงปากซอยสุขเสมอ มีรถจักรยานยนต์คู่กรณีคนก่อเหตุจอดอยู่ทางด้านขาวมือของเลนขวาตนจอดต่อท้าย เพื่อรอให้ทางรถเลี้ยวเข้าซอย
ร.ต.ต.สุรพงษ์/ผู้เสียหาย
หลังจากรถออกตัว ตนขับช้าๆเพื่อรอให้รถจยย.คันหน้าขับลงซ้าย และรถจยย.ไม่ลงซ้ายตนจึงแซงขึ้นไป แต่รถจยย.ไม่ยอมพยายามขับเทียบ ตนก็เร่งขึ้นไปอีก รับว่าไม่ได้มีการทะเลาะหรือขับเฉี่ยวกัน พอตนขับรถแซงไปได้จยย.ที่ขับตามหลังมาก็ชักปืนไล่ยิงตามหลังทันทีจำนวน 4 นัด มองกระจกข้างพบว่าเป็นปืนสีขาวแสตนเลส มาสำรวจดูรถไม่
พบรอยกระสุน ตนจึงจอดรถเพื่อจะยิงสวน แต่คิดไปคิดมาเห็นว่าเป็นแหล่งชุมชน ใจกลางเมืองรถเยอะถ้ายิงตอบโต้ไปประชาชนจะได้รับอันตราย อีกอย่างเห็นว่าผู้ก่อเหตุยิงแล้วขับรถหนีไปไม่ตามมา จึงขับรถกลับมาทำงานที่โรงพักพร้อมแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนให้ติดตามตัวมาดำเนินคดี
จากนั้นร.ต.ต.สุรพงษ์ฯได้ดึงสร้อยคอพร้อมเป็นพระพุทธโสธร รุ่น 80 จัดสร้างโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ห้อยคอมาให้ผู้สื่อข่าวดู แต่ก็บอกอีกว่าตนเองเป็นศิษย์พระอาจารย์ตุด วัดธรรมถาวร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ที่ตนมีความศรัทธาเคารพนพถือ จะระลึกถึงท่านเสมอ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวตนมีสติ ไม่ยิงสวนตอบโต้คนก่อเหตุไม่เช่นนั้นอาจมีการสูญเสียเกิดขึ้น
อาวุธปืนบีบีกันหรือแบงค์กันใช้ก่อเหตุ
เวลาต่อมา ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร นำโดยพ.ต.ต.ปิยพล ฉัตรภูมิ สว.สส.สภ.เมืองชุมพร เช็คกล้องวงจรปิดจนสามารถรู้ตัวผู้ก่อเหตุคือนาย ศิวกร หรือทิว อายุ 28 ปี ชาวหมู่ 5 ตำบลท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร (ตามบัตรประจำตัวประชาชน) พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนไล่ติดตามและสามารถควบคุมตัวได้ที่บ้านหลังหนึ่งในซอยครุฑปักษี ถนนกรมหลวง5 หมู่ 5 ตำบลนาทุ่ง อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร ซึ่งอยู่ห่างจากจุดก่อเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร พร้อมของกลางเป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีฟ้าขาว ทะเบียน 1 กณ 39xx ชุมพร ชุดเสื้อผ้าสวมใช่ขณะก่อเหตุ และอาวุธปืนพกสั้น แบงค์กัน แบบแม็คกาซีน จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนแบงค์กัน จำนวน 32 นัด จึงควบคุมตัวมาสอบสวนที่ห้องฝ่ายปฏิบัติการตำรวจสืบสวน สภ.เมืองชุมพร
นาย ศิวกร ฯ ผู้ก่อเหตุ ให้การว่า ขณะขับรถจยย.เพื่อหาข้าวกินในตัวเมืองชุมพร ขณะจอดรถรถรถเลี้ยวเข้าซอยสุขเสมอมองกระจกรถเห็นมีรถเก๋ง เล่นมาห่างๆและบีบแตรไล่ พอรถเลี้ยวเข้าซอยหมดตนก็ขับรถออกไป รถเก๋งเร่งเครื่องขึ้นมาตนจึงหันไปมองหน้า ตนก็เร่งเครื่องเหมือนกันเพื่อลงซ้าย แต่ถูกรถเก๋งบี้เข้ากันชนป้ายทะเบียนทำให้ตนโมโหเลยก่อเหตุชักปืนยิงไป 4 นัด โดยรับว่าเป็นปืนบีบีกัน สั่งซื้อมาทางอินเตอร์เน็ตเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน เพราะมีความชอบ
ผู้ก่อเหตุ รับว่าเรียนช่างตัดเพิ่งจบแต่ยังไม่ได้ประกอบอาชีพที่เรียนมา ยังไม่มีงานประจำ ตอนนี้ไปตามเก็บยอดค่าเงินผ่อนโทรศัพท์ร้านเพื่อน
ด้านผู้กำกับสภ.เมืองชุมพร เข้าสอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตนเอง มีอาการฉุนเชิงพูดอบรมสั่งสอนผู้ต้องหาว่าทำไมหัวร้อนจัง ทำอะไรไม่คิดถึงพ่อแม่บ้าง หรือคนที่เราไปก่อเหตุไว้ นี่ถ้าเป็นผู้กำกับสมมุติว่า ยิงสวนขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น เพราะตอนนั้นไม่รู้หรอกว่า ที่ยิงปืนใส่มาเป็นของจริงหรือไม่จริง ทุกคนคิดว่าของจริง การกระทำดังกล่าวขอดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป”
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ข่มขู่ให้ผู้อื่นตกใจกลัว” ในส่วนของข้อหาที่เกี่ยวข้องอื่นๆจะดำเนินการเมื่อผลการตรวจพิสูจน์ของกลางอื่นๆเสร็จสิ้นต่อไป
................................................................................
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น