นอภ.ขึ้นโรงพักแจ้งความเอาผิดแกนนำผู้เรียกร้องที่ดินทำกินกล่าวหาอันเป็นเท็จทำให้เสียหาย
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 21 ก.ค.68 นายสุนทร น้อยราช กำนันตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
พร้อมด้วยนายทรงพจน์ จิตเจริญ กำนันตำบลหงส์เจริญ นายนิรุตต์
มีชั่งทำ กำนันตำบลท่าข้าม
ผู้ใหญ่บ้าน และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) เดินทางเข้าพบนายพิศิษฐ์ ฤทธิพิชัยสงคราม นายอำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร
เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา
หลังจากโดนแกนนำที่เรียกตนเองว่ากลุ่มทหารผ่านศึกและราษฎรผู้ขาดแคลนที่ดินทำกินโพสข้อความเผยแพร่คลิปวีดีโอผ่านสื่อออนไลน์โจมตีใส่ความหลายประการ
ทำให้เกิดความเสียหายประชาชนทั่วไปเกิดความเข้าใจผิด และเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร
ขอให้ย้ายนายอำเภอท่าแซะ
โดยมีใจความสาระสำคัญว่า ข้าพเจ้านายประคอง จิตประสงค์ อายุ 65 ปี ในฐานะตัวแทนกลุ่มทหารผ่านศึกและกลุ่มราษฎรผู้ขาดแคลนที่ดินทำกิน ตามบัญชีรายชื้อที่แนบท้ายข้าพเจ้ากับพวกมีความประสงค์ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด
ชุมพร
ทำการย้ายนายอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เพราะเหตุดังนี้ 1.นายอำเภอท่าแซะ
จังหวัดชุมพร ทำการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินป่าสงวนแห่งชาติรับร่อ-สลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร
บริเวณบริษัทวิจิตรภัณฑ์ ปาล์มออยล์ จำกัด เนื้อที่จำนวนหลายไร่
อันเป้นการกระทำโดยทุจริตผิดกฎหมาย
2.นายอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ละเว้นการจับกุมดำเนินคดีกับแรงงานต่างด้าวที่เข้ายึดถือครอบครองบ้านพักคนงานบริษัทวิจิตรภัณฑ์ฯ ออกเก็บเกี่ยวผลปาล์มน้ำมันในป่าสงวนแห่งชาติ 3.นายอำเภอท่าแซะฯ ไม่ดำเนินการจับกุม
บริษัท
วิจิตรภัณฑ์ฯ ในกรณียึดถือครอบครองป่าสงวนแห่งชาติ รับร่อ-สลุย อำเภอท่าแซะ
จังหวัดชุมพร ทำสุสานบรรพบุรุษโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทุน”
ซึ่งแกนนำพร้อมด้วยกลุ่มทหารผ่านศึกและราษฎรผู้ขาดแคลนที่ดินทำกินประมาณ 200 คน
ได้รวมตัวกันบริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดชุมพรเมื่อวันที่ 21 ก.ค.68 โดยแกนนำฯได้ใช้รถบรรทุกเครื่องขยายเสียงกล่าวพาดพิงถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างดุเดือด
ก่อนยื่นหนังสือผ่านปลัดจังหวัดชุมพร ส่งมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรต่อไป พิจารณาย้ายนายอำเภอท่าแซะ
ด้านนายพิศิษฐ์ฯ
นายอำเภอท่าแซะกล่าวว่า
กรณีได้เข้าจับกุมกลุ่มทหารผ่านศึก
ผู้ต้องการที่ทำกินอาศัยอยู่ในบริษัทวิจิตรภัณฑ์ฯ
โดยอำเภอท่าแซะได้รับการประสานจากสำนักป่าไม้ที่ 11 สุราษฎร์ธานี ร่วมกันตรวจสอบและดำเนินการจับกุมผู้บุกรุก
เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปด้วยความอ่อนน้อมละมุนละม่อมแต่เนื่องจากแต่ทางกลุ่มผู้บุกรุกได้มีการขัดขืน
เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องใช้ตามยุทธวิธี
จึงเรียนผ่านสื่อมวลชนให้ประชาชนได้รับทราบ
ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ.หรือเจ้าหน้าที่ป่าไม้
ให้ความสำคัญกับประชาชนอย่างเท่าเทียมกันทุกฝ่าย
ต่อมาทราบว่า
กลุ่มทหารผ่านศึกได้มีการโพสผ่านเฟสบุ๊กสื่อโซเชียลต่างๆกล่าวหาว่านายอำเภอท่าแซะ
กีดขวางการดำเนินการของกลุ่มฯอย่างต่อเนื่อง ตนเองขอชี้แจงว่า
ไม่เคยไปก้าวก่ายยุ่งเกี่ยว เพียงแต่ติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง
แต่มีผู้โพสหาว่านายอำเภอมีผลประโยชน์ในพื้นที่ ขอยืนยันว่าไม่มี
ไม่เกี่ยวข้องใดๆที่กล่าวหาว่าไปบุกรุกที่ป่า
แต่หากพบว่ามีสามารถดำเนินการตามหน้าที่ตามอำนาจของกฎหมายได้เลย ซึ่งมีการกล่าวอ้างในส่วนนี้ในฐานะเป็นข้าราชการ
ไม่ได้โต้แย้งอะไรเพียงแต่รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไปถ้าเข้าข่ายหมิ่นประมาท
สำหรับแรงงานต่างด้าวนั้น
ขอเรียนว่าทางอำเภอท่าแซะ ได้บูรณาการร่วมกับ กอ.รมน. ตำรวจ แรงงาน ฝ่ายปกครอง
จัดหางานจังหวัด เข้าตรวจสอบปรากฏว่ามีบัตรทุกคน
หากพบว่าไม่ถูกต้องก็จะจับกุมทันที ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่
และเรื่องสุสานบรรพบุรุษก่อสร้างในพื้นที่ซึ่งตนเห็นอยู่ก่อนแล้วหลังจากย้ายเข้ามาดำรงตำแหน่ง
เรื่องนี้ต้องดำเนินการตามระเบียบทางกฎหมายต่อไป
ในฐานะนายอำเภอดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนยึดระเบียบกฎหมายไม่ทำร้ายประชาชน
ไม่เห็นแก่พวกพ้อง หรือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวใดๆทั้งสิ้น
ส่วนนายทรงพจน์ จิตเจริญ กำนันหงส์เจริญ กล่าวว่า
การเข้าจับกุมแกนนำกลุ่มผู้บุกรุกฝ่ายปกครองบูรณาการร่วม ตำรวจ ป่าไม้
ตามภาพคลิปที่ปรากฏขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้กระทำเกินกว่าเหตุ จากนั้นมีการกล่าวพาดพิงว่ากำนันเอ
กำนันตำบลหงส์เจริญมีแรงงานต่างด้างด้าวเก็บเกี่ยวผลผลิตในบริษัทฯส่งประโยชน์ให้นายอำเภอ
ตนขอยืนยันไม่เคยทำ
และการกล่าวอ้างพาดพิงถึงนายอำเภอว่ามีสวนทุเรียน มีที่ดิน
ภายหลังสอบถามผู้นำทั้ง 14
หมู่บ้านไม่ปรากฏว่านายอำเภอมีที่ดินดังกล่าว
วันนี้ในนามชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอท่าแซะ เดินทางมาให้กำลังใจนายอำเภอ
สำหรับนายสุนทรฯกำนันตำบลรับร่อ ออกมากล่าวยืนยันว่า ตนดูแลพื้นที่ทั้งหมด 23 หมู่บ้าน ขอยืนยันว่าไม่มีที่ดินขอนายอำเภอท่าแซะ
ตามที่กลุ่มม็อบกล่าวอ้าง
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ร่วมกันหลายหน่วยงานออกตรวจตั้งจุดสกัดเฝ้าระวังทั้งกลางวันและกลางคืนพบว่าเหตุการณ์ปกติและรายงานให้นายอำเภอทราบอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นเวลา 19.22 น. วันเดียวกัน นายพิศิษฐ์ฯ นายอำเภอท่าแซะ
มอบอำนาจให้นายสุจินต์ สว่างศรี ปลัดอำเภอ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน
สภ.ท่าแซะ เพื่อนำหลักฐานแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษแก่ ผู้ใช้สื่อออนไลน์จำนวน 4 รายชื่อ ได้โพสคลิปผ่านทางเฟสบุ๊ก ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวทำให้นายพิศิษฐ์
ฤทธิพิชัยสงคราม นายอำเภอท่าแซะ ได้รับความเสียหาย
และเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องจนถึงที่สุด”
................................................................
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น