ชาวบ้านยันความบริสุทธิ์นอภ.ท่าแซะไม่ได้ถือครองที่ดินป่าสงวนฯปลูกทุเรียน เชื่อถูกกลั่นแกล้ง

 

       จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ก.ค.68 ที่ผ่านมา  นายพิศิษฐ์  ฤทธิ์พิชัยสงคราม  นายอำเภอท่าแซะ  จ.ชุมพร ถูกแกนนำที่เรียกตนเองว่ากลุ่มทหารผ่านศึกและราษฎรผู้ขาดแคลนที่ดินทำกินโพสข้อความเผยแพร่คลิปวีดีโอผ่านสื่อออนไลน์โจมตีใส่ความหลายประการ ทำให้เกิดความเสียหายประชาชนทั่วไปเกิดความเข้าใจผิด และเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ขอให้ย้ายนายอำเภอท่าแซะ

      และขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร ทำการย้ายนายอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร  ด้วยเหตุดังนี้ 1.นายอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ทำการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินป่าสงวนแห่งชาติรับร่อ-สลุย  อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร บริเวณบริษัทวิจิตรภัณฑ์ ปาล์มออยล์ จำกัด เนื้อที่จำนวนหลายไร่ อันเป็นการกระทำโดยทุจริตผิดกฎหมาย

         2.นายอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ละเว้นการจับกุมดำเนินคดีกับแรงงานต่างด้าวที่เข้ายึดถือครอบครองบ้านพักคนงานบริษัทวิจิตรภัณฑ์ฯ ออกเก็บเกี่ยวผลปาล์มน้ำมันในป่าสงวนแห่งชาติ  3.นายอำเภอท่าแซะฯ ไม่ดำเนินการจับกุมบริษัท วิจิตรภัณฑ์ฯ ในกรณียึดถือครอบครองป่าสงวนแห่งชาติ รับร่อ-สลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ทำสุสานบรรพบุรุษโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทุน”

แฟ้มภาพ

       ซึ่งแกนนำพร้อมด้วยกลุ่มทหารผ่านศึกและราษฎรผู้ขาดแคลนที่ดินทำกินประมาณ 200 คน ได้รวมตัวกันบริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดชุมพรเมื่อวันที่ 21 ก.ค.68 โดยแกนนำฯได้ใช้รถบรรทุกเครื่องขยายเสียงกล่าวพาดพิงถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างดุเดือด ก่อนยื่นหนังสือผ่านปลัดจังหวัดชุมพร ส่งมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรต่อไป พิจารณาย้ายนายอำเภอท่าแซะ

นายอำเภอท่าแซะ

       ต่อมาเวลา 18.00 น.วันเดียวกัน นายพิศิษฐ์ฯ นายอำเภอท่าแซะออกมาชี้แจง ณ ที่ว่าการอำเภอท่าแซะว่า  กรณีได้เข้าจับกุมกลุ่มทหารผ่านศึก ผู้ต้องการที่ทำกินอาศัยอยู่ในบริษัทวิจิตรภัณฑ์ฯ โดยอำเภอท่าแซะได้รับการประสานจากสำนักป่าไม้ที่ 11 สุราษฎร์ธานี ร่วมกันตรวจสอบและดำเนินการจับกุมผู้บุกรุก เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมาย

อย่างเคร่งครัด ทางเจ้าหน้าที่เข้าไปด้วยความอ่อนน้อมละมุนละม่อมแต่เนื่องจากแต่ทางกลุ่มผู้บุกรุกได้มีการขัดขืน เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องใช้ตามยุทธวิธี จึงเรียนผ่านสื่อมวลชนให้ประชาชนได้รับทราบ  ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายปกครอง กำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน ชรบ.หรือเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ให้ความสำคัญกับประชาชนอย่างเท่าเทียมกันทุกฝ่าย

แฟ้มภาพ/กำนัน,ผู้ใหญ่บ้าน ,ชรบ.ส่งกำลังใจให้นายอำเภอท่าแซะ

       ต่อมาทราบว่า กลุ่มทหารผ่านศึกได้มีการโพสผ่านเฟสบุ๊กสื่อโซเชียลต่างๆกล่าวหาว่านายอำเภอท่าแซะ กีดขวางการดำเนินการของกลุ่มฯอย่างต่อเนื่อง ตนเองขอชี้แจงว่า ไม่เคยไปก้าวก่ายยุ่งเกี่ยว เพียงแต่ติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง แต่มีผู้โพสหาว่านายอำเภอมีผลประโยชน์ในพื้นที่ ขอยืนยันว่าไม่มี ไม่เกี่ยวข้องใดๆที่กล่าวหาว่าไปบุกรุกที่ป่า แต่หากพบว่ามีสามารถดำเนินการตามหน้าที่ตามอำนาจของกฎหมายได้ทันที  ซึ่งมีการกล่าวอ้างในส่วนนี้ในฐานะเป็นข้าราชการ ไม่ได้โต้แย้งอะไรเพียงแต่รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการฟ้องร้องต่อไปถ้าเข้าข่ายหมิ่นประมาท

       สำหรับแรงงานต่างด้าวนั้น ขอเรียนว่าทางอำเภอท่าแซะ ได้บูรณาการร่วมกับ กร.อมน. ตำรวจ แรงงาน ฝ่ายปกครอง จัดหางานจังหวัด เข้าตรวจสอบปรากฏว่ามีบัตรทุกคน หากพบว่าไม่ถูกต้องก็จะจับกุมทันที ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่  และเรื่องสุสานบรรพบุรุษก่อสร้างในพื้นที่ซึ่งตนเห็นอยู่ก่อนแล้วหลังจากย้ายเข้ามาดำรงตำแหน่ง เรื่องนี้ต้องดำเนินการตามระเบียบทางกฎหมายต่อไป ตามที่ผู้สื่อข่าวได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

        ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (25 ก.ค.) นายย้วน  พัทสังข์  อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 13 (บ้านยายหม่อน)ตำบลหงษ์เจริญ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร  พร้อมกับชาวบ้าน ออกมายืนยันความบริสุทธิ์ให้นายอำเภอท่าแซะเชื่อว่าถูกกลั่นแกล้งใส่ความ

ผู้ใหญ่บ้าน

       โดยเปิดเผยว่า ตั้งแต่ตนดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านมาจนถึงปัจจุบัน และเห็นว่ามีข้อกล่าวหาว่านายอำเภอท่าแซะถือครองที่ดินพื้นที่ป่าสงวนฯหมู่ 13 ตำบลหงษ์เจริญไม่ว่าจำนวนกี่ไร่ไม่เคยเห็นไม่เคยปรากฏว่านายอำเภอถือครองที่ดินป่าสงวนฯและไม่เคยได้ยินข่าวคราวมาก่อน ข้อกล่าวหาพาดพิงที่พูดถึงเห็นว่านายอำเภอไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งชาวบ้านก็ยืนยันเช่นนั้นเช่นเดียวกัน

      ตนมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกล่าวหาพาดพิง อาจจะไม่พอใจที่นายอำเภอสั่งให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการจับกุมตักเตือนกับกลุ่มคนอาจเกิดความไม่พอใช่ ใส่ร้ายใส่ข่าว ให้นายอำเภอต้องมีความผิด มองว่าไม่ถูกต้องไม่ควรใส่ร้ายกัน  ที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็นว่านายอำเภอจะรังแกประชาชน  หากมีการกล่าวหาพาดพิงก็ขอให้นายอำเภอส สู้ สู้ เพราะไม่ได้กระทำความผิด ไม่ได้สร้างมลทินให้ตัวเอง ถึงเวลาที่ต้องพิสูจน์ แก้ข้อกล่าวหาตามความเป็นจริง และความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” ผู้ใหญ่บ้านเผย

ชาวบ้าน

       ด้านนายสุธรรมฯ อายุ 70 ปี ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 13 ตำบลหงษ์เจริญ บอกว่า ตนอยู่ในพื้นที่ทำมาหากินมากว่า 10 ปี ที่มีการกล่าวพาดพิงว่านายอำเภอมีแปลงปลูกทุเรียนอยู่ในพื้นที่หมู่ 13 นั้น ตนอยู่ที่นี่มานานรับประกันว่าที่แปลงนั้นไม่ใช่ของนายอำเภอแน่นอน หรือถ้าเป็นคนอื่นมาครอบครองก็ไม่มีเช่นกัน ที่มีก็พาะคนในพื้นที่เท่านั้นชาวบ้านรู้ดี เรื่องนี้ตนพูดด้วยสัตย์จริง เมื่อมีการพาดพิงตนมองความความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นแล้ว คนที่พูดกล่าวพาดพงกล่าวหาต้องรู้ให้จริง  คนพูดรู้ไม่จริงมากล่าวหานายอำเภอปัญหาก็เกิด ท่านจะมีตรงไหนไม่ทราบแต่แปลงทุเรียนแปลงนี้ไม่ใช่ของนายอำเภอครับ” นายสุธรรมชาวบ้าน พูดเล่าให้ฟัง

        ขณะเดียวกันนายพิศิษฐ์  ฤทธิ์พิชัยสงคราม  นายอำเภอท่าแซะ อยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อแจ้งความเอาผิดผู้ที่กล่าวพาดพิงให้เกิดความเสียหายต่อไป

...............................................................................


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

โวยผญบ.ตัดปาล์มหมู่บ้านขายกว่า 7 ปีเงินสูญกว่า 2.5 ล้านชาวบ้านทวงถามไร้คำตอบ

หนุ่มลูกจ้างล้งทุเรียนถูกรถไฟชนดับ คาดทำงานอดนอนเดินเหม่อลอย

กระบะเลี้ยวปาดหน้าเฟอร์จูนเนอร์ชนท้าย ก่อนลงมาชกต่อย กระบะเจอรุมสองชักปืนยิงเจ็บ