สั่งปิดโรงเรียนผู้ปกครองเครียดบุตรไร้ที่เรียนครูหอบเด็กเช่าห้องแถวสอน
อดีตครูผู้สอน
ของโรงเรียนอนุบาลเอกชนแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลมาบอำมฤต อ.ปะทิว จ.ชุมพร ออกมาแฉพฤติกรรมถึงสาเหตุโรงเรียนประกาศปิดเลิกกิจการกะทันหัน
ทำให้มีครู นักเรียน คล้ายกับถูกลอยแพ ปล่อยเคว้ง ไร้ซึ่งรับผิดชอบของผู้บริหาร ผู้ปกครองหลายรายไม่สามารถหาโรงเรียนให้บุตรหลานได้ทัน
เพราะยังอยู่ในระหว่างภาคเรียนที่ 1
และครูบางคนต้องตกงาน
ส่วนครูสาวที่ยังอยู่ ก็หอบนักเรียนอนุบาลไปเช่าห้องแถวเรียนเพราะสงสารเด็กอยากให้มีที่เรียนแต่ด้วยสถานที่ไม่พร้อมจำเป็นต้องเรียนในห้องแถว
ขณะที่ผู้ปกครองยังเสียดายเงินค่าเทอมและเงินค่าอุปกรณ์หรือชุดนักเรียนที่จ่ายไปแล้วไม่สามารถเรียกร้องขอคืนจากฝ่ายบริหารของโรงเรียนได้รวมนักเรียนอนุบาลถึงชั้นปฐมรายละ
5000-7000 บาท รวมนักเรียนกว่า 50-60 คน พร้อมถามหาความรับผิดชอบและวอนหน่วยงานภาครัฐเข้าช่วยเหลือหาโรงเรียนให้นักเรียนได้มีที่เรียนหนังสือ
เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมาทีมข่าวผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบน.ส.ดวงกมล (สงวนนามสกุล) หรือครูฝน อายุ 44 ปี บริเวณหน้าห้องเช่าแห่งหนึ่งอยู่ในเขต หมู่1 (ตลาดมาบอำมฤต) ตำบลดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ลักษณะเป็นห้องแถวแบ่งให้เช่า โดยห้องริมตัวอาคารคุณครูดวงกมลฯได้เช่าไว้เพื่อเป็นห้องเรียนสอนเด็กชั้นอนุบาลของโรงเรียนที่ปิดกิจการ
ภายในห้องมีหนังสืออุปกรณ์การเรียนจำนวนหนึ่งจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ขณะที่เด็กๆวัยอนุบาลชายหญิงกำลังสนุกอยู่กับของเล่น ซึ่งมีน.ส.กรรณิการ์(สงวนนามสกุล)อายุ 31 ปี
อดีตครูผู้สอนขณะตั้งครรภ์ใกล้คลอดและหญิงสาวอีกรายหนึ่งมาช่วยสอนและเป็นพี่เลี้ยงเด็กในห้องเช่าดังกล่าวด้วย
ขณะนั้นก็มีผู้ปกครองเด็กจำนวนหนึ่งมารอรับบุตรหลานกลับบ้าน
ด้านน.ส.กรรณิการ์ ฯ
อดีตครูผู้สอนอยู่โรงเรียนอนุบาลฯที่ปิดกิจการดังกล่าว
เปิดเผยถึงมูลเหตุและครู ผู้ปกครอง ผู้เสียหายนำเรื่องการบริหารภายในร้องเรียนต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องของจังหวัดชุมพร
เพื่อให้ตรวจสอบหลายครั้ง พบว่ามีมูลความจริงจนนำไปสู่การประกาศปิดโรงเรียนฯเมื่อช่วงดือนกรกฎาคม
2568 นี้ว่า ปมประเด็นปัญหาอาทิเช่น
หนังสือเรียนมีไม่ครบทุกวิชา คุณครูต้องจัดหาซื้อสื่อการสอนมาเอง อาหารกลางวันไม่เพียงพอ
ห้องเรียนมีขนาดเล็กกว่ามาตรฐานตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ บุคลากรทางการศึกษาบางรายไม่มีประสบการณ์ วุฒิการศึกษาต่ำกว่ากำหนด
รายชื่อเด็กมีไม่ตรงกับตามความเป็นจริงเช่น
เด็กย้ายออกไปแล้วแต่ไม่ย้ายชื่อเด็กออกเท่ากับว่ากินเงินอุดหนุนรายหัวเด็ก
ส่วนคุณครูที่มีการร้องเรียนปัญหาไปนั้นคือ การหักเงินเดือน มาสายคิดนาทีละ
50 บาท บางครั้งการหักเงินดือนชี้แจงบ้างไม่ชี้แจงบ้าง และมีปัญหาเรื่องการลาซึ่งเอกสารการหักเงินตนมีเอกสารหลักฐานครบ
ครูผู้สอนมีความเดือดร้อนกระทบถึงค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนบางเดือนเหลือเงินแค่ 2000-3000 บาท บางเดือนก็ไม่เหลือเงินเลย ซึ่งมีการพูดคุยกันภายในกับผู้บริหารแล้ว
แต่เมื่อคุยไม่ได้ มีคำพูดที่กระทบกระเทือนจิตใจกันมากเกินไป จึงเกิดการร้องเรียนขึ้น
อดีตครูผู้สอน
สำหรับโรงเรียนอนุบาลเอกชนดังกล่าวเปิดการสอนมาเกือบ 20 ปี แต่มาเกิดปัญหากับผู้บริหารชุดล่าสุด
มีคุณครูประมาณ 14-15 คน นักเรียนมีตัวตนจริงประมาณ 50-60 คน แต่เช็คในระบบมีนับ 100 คน ซึ่งไม่ตรงกัน
น.ส.กรรณิการ์ฯ เปิดเผยอีกว่า ตนอดทนจนถึงที่สุดเพื่อเด็กๆ
จนไม่ไหวกับการถูกเอารัดเอาเปรียบ การบริหารของโรงเรียนจึงจำเป็นต้องลาออกก่อนโรงเรียนถูกสั่งปิดไม่นาน”
ด้านน.ส.ดวงกมล หรือครูฝน เปิดเผยว่า สอนอยู่ที่โรงเรียนมานานประมาณ
3 ปี ปัจจุบันยังไม่ได้ลาออก
แต่มีความรู้สึกว่าผู้บริหารเอารัดเอาเปรียบครูที่โรงเรียนอย่างที่เจอกับตนเองคือสื่อการเรียนการสอนให้ครูเป็นคนออกเองเช่น โรงเรียนเก็บเงินเด็ก 500
บาทแต่หนังสือที่ได้เพียงแค่ 100 บาท
ที่เหลือให้คุณครูจัดการหาให้เด็กกันเอง ผู้บริหารนำพ่อแม่ญาติพี่น้องเข้ามาในการทำงาน
ทำให้คุณครูรู้สึกอึดอัดใจ
แต่ด้วยความเรามีความรับผิดชอบและรับปากกับผู้ปกครองว่าจะดูแลลูกหลานเขา
ส่วนความอึดอัดในใจอีกเรื่องคือทางโรงเรียนเก็บค่าเทอมเด็กบอกว่ามีห้องแอร์
แต่สุดท้ายไม่มีห้องแอร์ตามที่แจ้ง
อีกทั้งห้องน้ำมีสภาพเก่าทรุดโทรมคุณครูต้องซ่อมแซมออกค่าใช้จ่ายกันเอง
หลังจากที่หน่วยงานภาครัฐเข้ามาตรวจสอบเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมาทำให้มีการเปลี่ยนแปลงภายใน
หลังจากนั้นผู้บริหารกับพวกรวม 5 คน มาอาละวาทด่าครูที่โรงเรียนจนคุณครูขึ้นโรงพักแจ้งความไว้
ทำให้ตนเองก็ไม่กล้าอยู่ที่โรงเรียนจึงนำเด็กมาสอนที่ห้องเช่าดังกล่าวซึ่งอยู่ห่างจากโรงเรียนไม่ไกลมากนัก
ตนมองว่าความปลอดภัยของเด็กเป็นสิ่งสำคัญ
แต่ห้องเช่าค่อนข้างแคบมีความยากลำบากเล็กน้อย
ตอนนี้ที่โรงเรียนไม่มีการเรียนการสอนแล้วเพราะคุณครูบางส่วนยินยอมลาออกไปหมด
เพราะโรงเรียนปิดกิจการ เหลือตนเองดูแลเด็กที่ผู้ปกครองยืนยันที่จะอยู่โรงเรียนโดยที่ย้ายมาอยู่ห้องเช่าจำนวน
4 คนและคุณครูที่คอยจัดทำเอกสาร ครูที่ลาออกไปทราบว่าหางานทำใหม่กัน
แต่ที่ยังว่างงานก็มี
ครูฝน เปิดเผยอีกว่า
ขณะเดียวกันผู้ปกครองถามหานมโรงเรียนและทวงถามถึงเงินค่าเทอม ค่าหนังสือที่จ่ายไปหมดแล้วจะทำอย่างไร
จะได้คืนไหม
ตอนนี้ผู้ปกครองต้องดิ้นรนช่วยเหลือตัวเองในการหาโรงเรียนใหม่บางรายก็ไม่มีที่เรียน
ซึ่งผู้ปกครองได้รับความเดือดร้อนกันหลายคน
ขณะที่น.ส.กาญจนา (สงวนนามสกุล)อายุ 37 ปี ผู้ปกครองนักเรียนชาวหมู่ 7 ตำบลดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร เล่าว่า มีลูกเรียนที่โรงเรียนดังกล่าวมานาน 3 ปีแล้ว อยู่ชั้นอนุบาล1 กับชั้นปฐม 1. หลังจากมีปัญหาโรงเรียนปิดตัวลงโรงเรียนไม่ได้ประสานหาที่เรียนใหม่ให้ และค่าเทอมค่าใช้จ่าย ที่จ่ายไปแล้วไม่ได้คืน ผู้ปกครองเริ่มต้นใหม่หมดบางโรงเรียนเรียนเก็บคะแนนกันแล้ว ทางโรงเรียนที่ปิดกิจการก็เอาข้อมูลเด็กไปหมดไม่ได้ให้กลับ ผู้ปกครองบางคนวิ่งเต้นเรื่องย้ายโรงเรียนตอนนี้เกิดความวุ่นวายมาก ทำให้ผู้ปกครองจับกลุ่มคุยกันเรื่องฟ้องร้องแต่ตัดขัดปัญหาค่าใช้จ่ายว่าจ้างจัดตั้งทนายความ มองว่าเกิดความยุ่งยากไหมและเสียเวลาไหมคุ้มหรือไม่กับกับเงินที่เสียไป ซึ่งยังเป็นคำถามกันในกลุ่มผู้ปกครองที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้
ด้านนายพรศักดิ์(สงวนนามสกุล)อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากโรงเรียนอนุบาลเอกชนปิดกิจการ
เล่าว่าลูกชายอายุ 6 ขวบเป็นเด็กพิเศษ
การเรียนและมีพัฒนาการเริ่มดีพูดได้ มาเรียนทุกวัน พอโรงเรียนประกาศปิดกะทันหันไม่รู้จะทำอย่างไรค่าเทอมค่าหนังสือก็จ่ายหมดแล้ว
ลูกมีสมาธิสั้นย้ายโรงเรียนกลางคันไม่มีใครอยากเอา
ขณะที่นายบัญชา(สงวนนามสกุล)อายุ 70 ปี มานั่งรอรับนักเรียนอายุ 4 ขวบชั้นอนุบาล 1 ซึ่งมีศักดิ์เป็นเหลนบริเวณหน้าห้องเช่าของคุณครูฝน
บอกว่า ได้รับความเดือดร้อนเพราะไม่มีที่ศึกษา
รู้สึกสงสารเหลนอย่างมากแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
พอดีคุณครูฝนแนะนำให้มาเรียนที่นี่(ห้องแถว)โดยลุงบัญชา
พูดไปมือก็ปาดน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความสงสารเหลน
ไม่มีทางออกพาเหลนไปสมัครเรียนก็เต็มหมด
เหลนเรียนที่โรงเรียนอนุบาลดังกล่าวตั้งแต่เนอสเซอรี่ ค่าเรียน ค่าหนังสือ
และค่าเรียนพิเศษก็จ่ายครบหมดแล้ว มาลอยแพเด็กกะทันหันแบบนี้ก็เสียความรู้สึก”ผู้ปกครองบอกด้วยความรู้สึกเสียใจ
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่โรงเรียนอนุบาลดังกล่าวปากทางบริเวณริมถนนติดตั้งป้ายไวนิลจำนวน 2 แห่ง ใกล้ๆกันโดยมีข้อความระบุ เรียนผู้ปกครองนักเรียนทุกท่าน
โรงเรียนอนุบาลฯ มีความประสงค์จะเลิกกิจการ ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 2 / 2568 เป็นต้นไป”
จากการตรวจสอบพบว่าโรงเรียนเป็นอาคารปูนชั้นเดียวบนเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่หน้ากว้างประมาณ 15-20 เมตร สภาพปิดเงียบ ด้านข้างยาวลึกประมาณ 20-30 เมตร ก่อกำแพงผนังอาคารเป็นด้วยอิฐบล็อกสูงท่วมศีรษะมองไม่เห็นด้านใน
อาคารมีสภาพเก่า สีหลุดร่อน ผนังกำแพงด้านหน้าทาสีเหลือง ด้านข้างอาคารทาสีชมพู
ประตูเหล็กถูกใส่กุญแจล่ามโซ่ล็อคไว้มีสนิมขึ้นเขลอะ
ยังพบอีกว่าบริเวณด้านหน้าอาคารเรียนมีเครื่องเล่น ชิงช้า โต๊ะนั่ง
สภาพปล่อยทิ้งร้างมีหญ้าขึ้นสูงปกคลุมทั่วบริเวณ สระน้ำเล็กๆใกล้เสาธงน้ำในสระเริ่มแห้งรอบๆมีหญ้าปกคลุม
จากสภาพบริเวณโรงเรียนเหมือนกับขาดการดูแลปล่อยทิ้งร้างนานนับเดือน ซึ่งเห็นสภาพความเป็นจริงในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับประกาศปิดกิจการตั้งแต่ภาคเรียนที่
2 / 2568 เป็นต้นไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น