ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองชุมพรบุกตรวจสอบพร้อมสั่งปิดให้บริการสแกนม่านตาแลกเหรียญเงินดิจิทัล เกรงนำข้อมูลใช้ผิดกม.หลังชาวบ้านชักชวนแห่ใช้บริการแน่นร้าน
ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองชุมพรบุกตรวจสอบพร้อมสั่งปิดให้บริการสแกนม่านตาแลกเหรียญเงินดิจิทัล เกรงนำข้อมูลใช้ผิดกม.หลังชาวบ้านชักชวนแห่ใช้บริการแน่นร้าน
ตามที่กรมการปกครองแจ้งเตือน กรณีการสแกนม่านตาแลกเหรียญเงินดิจิทัล กรมการปกครอง ได้รับรายงานว่ามีกลุ่มบุคคลใช้อุปกรณ์สแกนม่านตา ชื่อว่า Orb ในการแสกนเก็บข้อมูลม่านตาของประชาชนเพื่อยืนยันตัวตนตามห้างสรรพสินค้า และชักชวนไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเหรียญเงินดิจิทัลคริปโทเคอร์เรนซี Cryptocurrency เป็นเงินประมาณ 500 – 1,000 บาท
ขณะเดียวกันกรมการปกครอง ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าการดำเนินการจัดเก็บข้อมูลม่านตาดังกล่าวนั้น ไม่ใช่การดำเนินการจัดเก็บข้อมูลของสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง หรือส่วนราชการอื่น ๆ
จึงขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์ข้อมูลในท้องที่ สอดส่องการจัดกิจกรรมดังกล่าวอย่าให้เกิดการหลอกลวงประชาชน เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ หากประชาชนถูกหลอกหลวงไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือพบเห็นการกระทำความผิดดังกล่าวสามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด/อำเภอ หรือสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 22 ก.ย.68 นายนพพร มีสติ ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองชุมพร จ.ชุมพร ได้รับร้องเรียนจากแหล่งข่าวว่า มีร้านจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แห่งหนึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองชุมพร ริมถนนกรมหลวง ใกล้โรงพยาบาลประจำจังหวัด เพื่อให้ตรวจสอบการให้บริการดังกล่าว เนื่องจากฝ่าฝืนของกรมการปกครอง ประกาศแจ้งเตือน กรณีสแกนม่านตาแลกเหรียญเงินดิจิทัลคริปโทเคอร์เรนซี Cryptocurrency ภายหลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย นายราเมศร์ ภักดีศรี และนายเจนวิทย์ จินตนพันธ์ ปลัดอำเภอเมืองชุมพร นำกำลัง สมาชิก อส. เฝ้าติดตามดูพฤตกรรมการให้บริการดังกล่าว
ปรากฏว่ามีประชาชนทยอยเดินทางมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก จากนั้นนำกำลังเข้าตรวจสอบภายในร้านดังกล่าว พบเป็นร้านจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ โดยมีป้ายไวนิลแบบตั้งเป็นโครงเหล็กบอกถึงขึ้นตอนการเข้าร่วม App และป้ายข้อความให้ผู้ใช้บริการอ่าน ระบุ “เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเอง” ประมาณ 12 บรรทัด พิมพ์ไว้บนกระดาษ A4 ใส่กรอบพลาสติกใสวางอยู่บนพื้นใกล้กับ
กล้องสแกนม่านตา ทรงกลมชุบโครเมี่ยม โดยมีพนักงานของร้านคอยบริการเป็นชาย 2 คน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตนในการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ พบว่าประชาชนที่มาใช้บริการ มีทั้งชายหญิงชาวไทยและชายหญิงชาวเมียนมา รวมประมาณ 20 คน บางรายอุ้มเด็กเล็กมาด้วย
ด้านพนักงานร้าน ชี้แจงว่า เครื่องสแกนม่านตาได้รับมาจากบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อสแกนม่านตาแล้วจะได้รับเป็นเหรียญ เวิร์ล คอย เพื่อแลกเป็นเงินสด หรือเก็บไว้เพื่อเก็งกำไรใช้ในการแลกเปลี่ยน โดยเปิดให้บริการมาแล้วประมาณ 2 เดือน
สอบถามประชาชนที่มาใช้บริการ บอกว่า มีผู้ชักชวนให้มาสแกนม่านตาที่ร้านดังกล่าว และเมื่อสแกนม่านตาแล้วจะมีบุคคลโอนเงินให้ประมาณจำนวน 1,100 บาท ซึ่งบุคคลดังกล่าวอ้างว่าอาศัยอยู่ที่จ.ภูเก็ต ขณะเดียวกันหญิงชาวเมียนมารายหนึ่งเปิดโทรศัพท์มือถือโชว์รูปภาพชายที่อ้างว่าเป็นบุคคลเดียวกันที่อยู่จ.ภูเก็ตให้เจ้าหน้าที่ดู พร้อมกับสลิปการโอนเงินจำนวน 1,100 บาท หรือ 52.22 เหรียญ
นายนพพร มีสติ ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองชุมพร กล่าวว่า กรมการปกครองไม่มีนโยบายให้ประชาชนสแกนม่านตา เรื่องดังกล่าวทางอำเภอเมืองชุมพรได้กำชับไปถึงผู้นำชุมชน เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ ในการลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้หลังจากได้รับแจ้งว่ามีการให้บริการสแกนม่านตาแลกเป็นค่าตอบแทนบางส่วนเช่น คริปโทฯ เวิร์ค คอย หรือเงินสด โดยประชาชนที่มาสแกนม่านตานั้น จะไม่ทราบผลเสีย ผลกระทบที่จะตอบกลับเป็นอย่างไรบ้าง
ปลัดอาวุโสฯ กล่าวอีกว่า ทางอำเภอได้ขอความร่วมมือให้ทางร้าน จัดเก็บเครื่องสแกนม่านตา อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อไม่ให้นำไปใช้ และไม่แนะนำสำหรับห้างร้านที่จะเปิดให้บริการ ขอความกรุณารอผล จากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนกรมการปกครองทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับประชาชนเท่านั้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น