โจรชุม!ลักแผงรั้วสแตนเลสจุดชมวิว-ท่อห้องน้ำหาย “หายเกลี้ยงนทท.หนี

รูปภาพ
          เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีโจรไปขโมยแผงรั้วสแตนเลสบริเวณจุดชมวิว “แหลมคอกวาง” พื้นที่ตำบลนาทุ่ง อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร และยังมีการงัดแงะขโมยท่อน้ำสแตนเลสภายในห้องน้ำหายไปเป็นจำนวนมากจนไม่สามารถใช้งานได้ หลังรับแจ้งจึงได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบ        พบว่าจุดชมวิวดังกล่าวมีมีขนาดใหญ่ทั้งหมดจำนวน 3 แห่งตั้งใกล้กัน ก่อสร้างด้วยปูนซิเมนต์ได้มาตรฐาน กั้นด้วยเหล็กสแตนเลสสูงประมาณ 1.5 เมตร ความยาวช่องละประมาณ 3-4 เมตร  ยกสูงจากถนนคอนกรีตเล็กน้อย แห่งที่ 1 มีรั้วเหล็กสแตนเลสหายไปสองช่อง และยังสังเกตเห็นลูกสแตนเลสทรงกลมติดอยู่กับรั้วส่วนใหญ่จะหายไปนับจำนวนได้ 69 ลูก เหลือแค่ 1 ลูกเท่านั้น        จุดชมวิวแห่งที่ 2 รั้วสแตนเลสไม่หายยังอยู่ครบ แต่ลูกสแตนเสสที่ติดตั้งอยู่บนรั้วหายไปทั้งหมดจำนวน 46 ลูก เหลือ 2 ลูก  จุดชมวิวแห่งที่ 3 ลูกสแตนเลสหายไปจำนวน 79 ลูก เหลือ 3 ลูก รวมลูกสแตนเลสทรงกลมหายทั้งหมดจำนวน  จากนั้นมีเสาไฟส่องสว่างสภาพเก่าเส...

ชาวประมงชุมพรยื่นหนังสือคัดค้านร่างประกาศเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม 4 ตำบลของ อ.ปะทิว

ชาวประมงชุมพรยื่นหนังสือคัดค้านร่างประกาศเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม 4 ตำบลของ อ.ปะทิว

 วันนี้ (29 พ.ย.65) เวลา 09.30 น. เครือข่ายสภาองค์ชุมชนอำเภอปะทิว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชน และกลุ่มวิสาหกิจประมงอำเภอประทิว นำโดย
 นายศักดิ์ชาย พยันตา, นายสมโชค พันธุรัตน์, นายนรงค์ ม่วงทองคำ และกลุ่มชาวประมงในพื้นที่ 4 ตำบลของอำเภอปะทิว เดินทางมายื่นหนังสือขอให้ทบทวนและยกเลิกมติคณะ
              สนับสนุนโดย อีซูซุสาขาสวี

รัฐมนตรี วันที่ 25 ตุลาคม 2565 เรื่อง ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... 
โดยมี นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร รับมอบหนังสือดังกล่าว พร้อมพบปะพี่น้องชาวประมง ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดชุมพร
สนับสนุนโดย ร้านเค.เอส. รุ่งเรืองเกษตรภัณฑ์

 โดยหนังสือของ กลุ่มเครือข่ายสภาองค์ชุมชนอำเภอปะทิว ได้ขอให้ทบทวนและยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 25 ตุลาคม 2565 เรื่อง ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากร่างประกาศดังกล่าว ขัดแย้งความเป็นจริง โดยพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้เป็นพื้นที่เสื่อมโทรมตามที่กล่าวอ้าง ประชาชนในพื้นที่ ได้ทำกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ ตั้งปี
 2545 มีการจัดตั้งกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มป่าชายเลน กลุ่มประมงพื้นบ้าน กลุ่มธนาคารปูม้า กลุ่มแปรรูป กลุ่มชุมชนประมงท้องถิ่น กลุ่มชุมชนชายฝั่ง และกลุ่มการท่องเที่ยวโดยชุมชน 4 ตำบล ซึ่งจากการดูแลฐานทรัพยากรจนเกิดความอุดมสมบูรณ์ สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ต้องพึ่งพาฐานทรัพยากรที่อุดมบูรณ์ให้อำเภอปะทิวกว่า 42,000,000 บาท/ปี โรงแรมและรีสอร์ท มีนักท่องเที่ยวกว่า 25,000  คน/ปี คิดเป็นรายได้ 10,000,000 บาท/ปี กลุ่มประมงพื้นบ้านมีรายได้กว่า 30,000 บาท/ครัวเรือน/เดือน และเครือข่ายภาคประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่กว่าร้อยละ 80 ประกอบอาชีพประมง และการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ต้องพึ่งพาฐานทรัพยากร และสิ่งต่างๆ ซึ่งเหล่านี้สามารถยืนยันความอุดมสมบูรณ์ของฐานทรัพยากรของอำเภอปะทิวได้เป็นอย่างดี 

 อีกทั้งร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังกล่าวนั้น ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ตลอดแนวชายฝั่ง ทั้ง 4 ตำบล ประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย ไม่ได้รับรู้ถึงร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ และวิถีชีวิตของประชาชน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการดํารงชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชีพการท่องเที่ยวโดยชุมชน และอาชีพประมงพื้นบ้าน และปัจจุบันพื้นที่อำเภอปะทิว และพื้นที่ชายฝั่งจังหวัดชุมพร มีกฎหมายที่ยังบังคับใช้ในพื้นที่กว่า 6 ฉบับ ซึ่งเพียงพอต่อการคุ้มครองและรักษาคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว
         สนับสนุนโดย เพิ่มพูลคาร์เซ็นเตอร์

 โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ได้รับหนังสือฉบับดังกล่าวด้วยตนเอง พร้อมกล่าวว่า "จากมติ ครม. นั้น ทางจังหวัดได้สืบค้นข้อมูลแล้ว พบว่าเรื่องนี้ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2553 ซึ่งได้เงียบหายไปนาน ก่อนจะมารับทราบจากมติ ครม. ดังกล่าว และเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะทราบดีอยู่ว่าพื้นที่ทั้ง 4 ตำบลนั้นได้มีการพัฒนา มีพี่น้องชาว
ประมงประกอบอาชีพ ทำมาหากิน และช่วยกันดูแลพื้นที่มาอย่างดี พอมีประกาศมา ส่วนราชการก็ได้ปรึกษาหารือกันแล้วว่าจะกระทบต่อพี่น้องประชาชนหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการประกอบอาชีพประมง ทั้งประมงพื้นบ้าน ประมงพาณิชย์ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ จึงได้ทำหนังสือไปที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปก่อนแล้ว 1 ฉบับ เพื่อขอให้ทางกระทรวงได้พิจารณาถึงผลกระทบ ที่จะก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ก่อนที่จะประกาศใช้ และในวันนี้ก็จะส่งหนังสือขอพี่น้องประชาชนที่มายืนให้ ไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเรียนถึงนายกรัฐมนตรีให้ทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเร็วที่สุด
.....................................

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หนุ่มก่อสร้างซดเหล้าขาววันละ 4 ขวดหายตัว 7 วันพบนอนจมโคลนป่าโกงกาง

สลดใจ แม่พาลูกชายส่งรักษาบำบัด รพ.รัฐแต่ถูกปฏิเสธ สุดท้ายหลอนผูกคอดับ

ชาวบ้านไม่ทนโพสแฉ ผญบ.ร่วมแทงพนันไฮโลกันโจ๋งครึ้มในงานศพ เข้าข่ายผิดทั้งวินัยและอาญา