แม่เดือดโชว์คลิปสองหนุ่มกร่างตบศีรษะ-ถือปืนขู่ลูกชายวัย 14 ปี
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
แม่เดือดโชว์คลิปสองหนุ่มกร่างตบศีรษะ-ถือปืนขู่ลูกชายวัย
14 ปีขณะยืนซื้อของในร้านค้า อ้างเป็น จนท.ขอตรวจเยี่ยว แม่ขึ้นโรงพักแจ้งเอาผิดแต่ตร.ไกล่เกลี่ยให้ยอมความ
วันที่ 18 มี.ค.66 น.ส. วาสนา อายุ 39 ปี นำหลักฐานเป็นคลิปกล้องวงจรปิดภายในร้านค้าแห่งหนึ่ง อยู่พื้นที่หมู่ 4 ตำบลเขาค่าย ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 20.30 น.ของวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมาขณะที่ ลูกชายวัย 14 ปี
ได้ขับรถจักรยานยนต์ไปซื้อสินค้าภายในร้านใกล้บ้าน
ขณะรอเตรียมจ่ายเงินค่าสินค้า มีนายพัชรพล สวมชุดดำ ผ้าขาวม้าคาดสะเอว
สวมหมวกแก๊ปสีดำคาดไฟฉาย
ได้เข้ามาพูดทักก่อนจะใช้มือตบไปที่ศีรษะอย่างแรงจนศีรษะขมัม พร้อมกับพูดลักษณะว่า "หยอกล้อเล่นไม่ได้เลยหรอ มึงพันพรือถึงหยอกไม่ได้แล้ว พ่อมึงกูยังตบ"
โดยที่ลูกชายตนไม่ได้ตอบโต้ใดๆ ตามในคลิป แต่ไม่พอใจและไม่พูดคุยด้วย
ต่อมามีชายคนหนึ่ง ทราบชื่อต่อมาคือ นายณรงค์ อายุประมาณกว่า 40 ปี สวมเสื้อยืดแขนสั้นคอกลมสีเขียวขี้ม้า ใส่กางเกงขายาวลายพรางสีเขียว เดินถือปืนลูกซองเข้ามาสมทบ ซึ่งทราบว่าชายทั้งสองคนเป็นเพื่อนและขับขี่รถจักยานยนต์มาด้วยกัน โดยลูกชายวัย 14 ของนางสาววาสนา ผู้ร้องเรียน พยายามเดินหนีแต่ถูกชายทั้งสองคนดึงฉุดไว้ ส่วนชาย
ที่ถือปืนได้โชว์บัตรที่ห้อยคอให้ดูอ้างว่านี่เจ้าหน้าที่
พร้อมทั้งพูดว่าเอาไปตรวจเยี่ยวที่โรงพัก
ระหว่างนั้นชายที่ถือปืนได้ใช้วิทยุสื่อสาร พูดว่า ว.2 เรียก
01ซึ่งเสียงในกล้องวงจรปิดบันทึกภาพและเสียงไว้ได้อย่างชัดเจน จากนั้นด.ช.วัย 14 ปี ได้พยายามเดินออกนอกร้านโดยมีชายทั้งสองคนเดินประกบ
ต่อมา น.ส.คริสมาส
อายุ 19 ปี(เสื้อดำถักเปีย) ซึ่งเป็นญาติของด.ช.ววัย 14 ปีที่ยืนอยู่หน้าร้านค้าเห็นเหตุการณ์ บอกว่าพาน้องไปโรงพักไม่ได้
ไม่ได้ทำอะไรผิดยังไงก็ไม่ยอม
พร้อมทั้งตะโกนให้ญาติๆที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเข้ามาช่วยเพราะรู้ว่าชายที่ถือปืนไม่ใช่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจจะบังคับได้จายทั้งสองคนเดินหายถอยไปพร้อมทั้งท้าให้ไปแจ้งความ
น.ส.วาสนา แม่ของเด็ก เปิดเผยว่า การกระทำเกินกว่าเหตุเพราะลูกชายตนยังเป็นเด็ก
ไม่สมควรถือปืนมาขู่เด็ก ลูกชายตนไม่มีความผิดอะไร หลังเกิดเหตุวันแรกได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สภ.นาสัก
แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ลงบันทึกประจำวัน
เพียงแต่เขียนด้วยลายมือลงในกระดาษ A4
และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่าสองคนนี้สร้างเรื่องมาหลายเรื่อง
หลายคดีแล้วชี้ให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด
ปรากฏว่า ผ่านไปอีกวันเพื่อนัดเจรจา แต่ทางตำรวจเจรจาให้ผู้เสียหายยอมความ ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ลงบันทึกใดๆทั้งสิ้น น.ส.วาสนา เผยอีกว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน และอยู่ใกล้กัน
ทั้งสองคนนี้สร้างเรื่องไว้เยอะมาก ไม่ใช่เฉพาะของตน มีการร้องเรียนหลายคนแต่ทำอะไรผู้ก่อเหตุทั้งสองคนไม่ได้ เคยไปยิงขู่คนแก่ด้วย
มีงานประเพณีในชุมชนหมู่บ้านก็เกิดเรื่องจนทำให้งานล่ม
จนชาวบ้านเกิดความกลัวไม่กล้าออกจากบ้านไปทำสวนรดน้ำทุเรียนในช่วงค่ำคืน
ทั้งที่จริงแล้วนายณรงค์
ชายที่ถือปืน ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
แต่มาชอบอ้างโอ้อวดว่าตนเองเป็นสายสืบ
ตำรวจจากกรุงเทพส่งมา และเป็นสายสืบของตำรวจในพื้นที่
แต่ที่น่าสังเกตุว่าทุกครั้งที่ก่อเหตุรอดมาได้ทุกครั้งไม่มีใครเอาเรื่องได้
ซึ่งตนขอเดินหน้าเอาเรื่องทางกฎหมายให้ถึงที่สุด
ด้าน น.ส.กิ๊ก อายุ 31 ปี(เสื้อชมพู) เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการ อบต.เขาค่าย ชาวบ้านหมู่ 3 ต.เขาค่าย เคยถูกชายถือปืนข่มขู่
เกิดเหตุเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมาขณะอำนวยการจราจรในงานทำบุญกระดูกของคนในหมู่บ้าน
ได้พบกับชายคนดังกล่าวเข้ามาหาเรื่องเช่นเดียวกัน
แต่ได้ออกห่างเพราะทุกครั้งจะสะพายปืนลูกซองตลอด
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.นาสัก เพื่อสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีดังกล่าวแต่ไม่พบ จึงได้โทรศัพท์สอบถาม โดยพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีชี้แจงว่า หลังจากที่ได้เรียกผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุมาเจรจากันคิดว่ายอมความ
กันแล้ว
และนายณรงค์ชายที่ถือปืนลูกซองไม่ได้เป็นตร.หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับสภ.นาสัก แต่ถ้าผู้เสียหายไม่ยอมความก็จะดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
..........................................................................
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น