รวบยกชุด รปภ.การเคหะแห่งชาติ เมืองชุมพร ค้ายาบ้าและพบอาวุธปืน 2 กระบอก เมียหลวงเผยทั้งน้ำตา
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
รวบยกชุด รปภ.การเคหะแห่งชาติ เมืองชุมพร ค้ายาบ้าและพบอาวุธปืน 2 กระบอก เมียหลวงเผยทั้งน้ำตา
ต้องทนทุกข์ที่ผัวพาเมียน้อยร่วมชายคาเสพยาเตือนแล้วไม่ฟัง จนผัวและเมียน้อยพร้อมพวกถูกตำรวจจับ
เมื่อเวลา 10.30
น.วันที่ 9 เมษายน 67 พล.ต.ต.ภาณุเดช ณ พัทลุง ผบก.ภ.จว.ชุมพร
ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า นายต๋อง หน.ชุดรักษาความปลอดภัย หรือ
รปภ.การเคหะแห่งชาติ ซึ่งตั้งอยู่ ม.1 ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร
มีพฤติกรรมค้ายาเสพติด จึงสั่งการให้ทาง ร.ต.อ.ธวัช ภู่พร
หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือ นปพ. พร้อมด้วย ร.ต.ต.จิรวัฒน์ ดวงชัย รอง
สว.กก.สืบสวน ภ.จว.ชุมพร นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบเจ้าหน้าที่ รปภ.นายหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังคือ นายทรงพล หรือ ตู่ อายุ 44 ปี นั่งอยู่ภายในตู้คอนเทรนเนอร์ซึ่งจัดทำเป็นสำนักงานของ บ.รับเหมาก่อสร้างที่อยู่อาศัย โครงการเคหะแห่งชาติเฟตใหม่ เจ้า
เมียน้อยนายเสน่ห์อยู่ชั้นสองหน้าที่จึงได้แสดงบัตร ปปส.พร้อมแจ้งให้ทราบ และสอบถามถึงตัวนายต๋อง ทราบว่า
นายต๋อง อยู่ที่บ้านพัก เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นตัวนายทรงพล พบยาบ้า จำนวน 2
เม็ดอยู่ในกระเป๋ากางเกง ก่อนนำตัวไปยังบ้านพักนายต๋อง
พบว่าบ้านพักของนายต๋อง หลังดังกล่าว เป็นบ้านสองชั้น บริเวณประตูรั้วเหล็กหน้าบ้าน ติดป้ายระบุ เป็นสำนักงานย่อย รปภ.เคหะ ชุมพร โดย ระบุบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ห่างจากสำนักงานของโครงการเพียง 200 เมตร
สนับสนุนโดย ร้านเค.เอส.รุ่งเรืองเกษตรภัณฑ์เจ้าหน้าที่ได้พบตัวนายต๋อง ซึ่งทราบชื่อจริง คือนายเสน่ห์ อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นหัวหน้า รปภ.พร้อมนายภัทรพล หรือ แบงค์ อายุ 34 ปี ลูกน้อง โดยทั้งสองกำลังจะขับ รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า สีส้ม รุ่นสกู๊ปปี้ หมายเลขทะเบียน ชุมพร เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวพร้อมขอตรวจค้นภายในตัวไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงได้ขอตรวจค้นใต้เบาะรถ จยย.พบกระเป๋า
ค้นหาอาวุธปืนสะพายหนังสีน้ำตาล
ภายในพบถุงพลาสติกสีน้ำเงินแบบรูดเปิดปิด
ตรวจสอบเป็นยาบ้าจำนวนมากบรรจุในอยู่ภายใน โดยนายเสน่ห์ หรือนายต๋อง
รับว่ายาบ้าดังกล่าว เป็นของตน เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นขอกลาง
ก่อนจะขอตรวจค้นภายในบ้านโดยมีนายต๋อง นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นด้วยความสมัครใจ
โดยจุดแรกบริเวณชั้นล่างของบ้าน
ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอื่นใด ก่อนจะนำขึ้นไปตรวจบนชั้นสองของบ้าน ซึ่งพบว่ามีห้องนอน
เพียง 2 ห้อง โดยห้องแรกติดบันไดทางขึ้นเจ้าหน้าที่พบ น.ส.ธิติมา หรือจูน (ภรรยาน้อยนายเสน่ห์)) อายุ 37 ปี นอนเล่นอยู่บนที่นอน โดยข้างที่นอน พบอุปกรณ์การเสพไอซ์ จำนวน 1 อัน
และยังตรวจค้นในชั้นวางของพบ ยาไอซ์ อีกจำนวนหนึ่งถูกห่ออยู่ในฟรอย สอบถาม
น.ส.ธิติมา หรือ จูน ให้การรับสารภาพว่า ยาไอซ์ เป็นของตน ที่เสพไปเมื่อคืนและเหลือไว้เพื่อเสพอีกครั้งในวันนี้
เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นของกลาง
ก่อนจะไปเปิดประตูอีกห้องนอนเพื่อตรวจค้น
พบ น.ส.เอ (นามสมมุติ)ภรรยาหลวง อายุ 27 ปี นอนเล่นอยู่บนที่นอนพร้อมกับลูกสาว วัย 13 ปี โดยทั้งสองมีทีท่าตกใจ
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้ทราบ พร้อมขอตรวจค้น ไม่พบสิ่งอื่นใดที่ผิดกฎหมาย
จากการสอบสวน นายเสน่ห์ หรือนายต๋อง ทราบว่า ยังมียาบ้า อีกจำนวนหนึ่งและรับว่ามีอาวุธปืน ซุกซ่อนอยู่ในกองขยะ บริเวณด้านหลังสำนักงานใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัว นายภัทรพล หรือ แบงค์ ซึ่งเป็นคนนำยาบ้าและอาวุธปืนไปซุกซ่อน จนพบอาวุธปืนแบบไทยประดิษฐ์ ขนาด .22 จำนวน 2 กระบอก ถูกห่อด้วยพลาสติกอย่างดี ซุกใสอยู่ใน
กระสอบปุ๋ย
ห่างไปอีกเล็กน้อย ยังพบยาบ้า จำนวน 7 ถุง อยู่ในกระบอกแบบกระป๋องออมสิน
ซุกอยู่ใต้กองขยะ เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง ก่อนนำตัว
ทั้งสองพร้อมนายทรงพล หรือ ตู่ และ น.ส.ธิติมา หรือจูน พร้อมของกลางทั้งหมด
มาสอบสวนปากคำเพิ่มเติมที่ทำการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
จากการสอบสวนในเบื้องต้น นายเสน่ห์ หรือนายต๋อง ให้การว่า ตนเองเป็นหัวหน้าชุด รปภ.โดยมีนายภัทรพล หรือ แบงค์ และ นายทรงพล หรือนายตู่ เป็นลูกน้องในทีม รปภ.ดูแลโครงการก่อสร้างที่พักอาศัยของการเคหะฯส่วนยาบ้า นั้น ตนเองยอมรับว่า เป็นผู้ค้าและเสพ จริง โดยยาบ้า ตนเองจะสั่งไปที่นายทวี ผ่านทางไลน์ โดยจะสั่งครั้งละ 2-3 พันเม็ด และนายทวี จะส่งมาทางพัสดุ(สีส้ม)และบางครั้งก็จะนัดให้ไปรับตามริมถนน แล้วแต่นายทวี จะไปวางของไว้
โดยยาบ้าที่รับมา นอกจากจะเสพเองแล้ว
ก็จะแบ่งขายให้กับกลุ่มแรงงาน ในราคาเม็ดละ 50 บาท แต่ถ้าซื้อยกห่อ
ก็จะขายให้ในราคา 4,000 บาท จากราคาต้นทุน 3,000 บาท โดยตนเองทำมานานแล้ว
และทุกครั้งที่รับยาบ้า มาก็จะให้นายภัทรพล หรือ แบงค์ เป็นคนจัดแบ่งขายปลีก
และคอยส่งให้กับลูกค้า ส่วนยาไอซ์ นั้น ตนเองไม่ได้ซื้อ โดยเพิ่งจะขอจากนายทวี
มาเพื่อให้ น.ส.ธิติมา หรือจูน ภรรยาน้อย เสพเท่านั้นไม่ได้สั่งมาขายเนื่องจาก
ราคาสูง ขายยาบ้า ง่ายและหมดเร็วกว่า
เจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกจับกุมพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา
นายทรงพล หรือ นายตู่ และ น.ส.ธิติมา หรือ จูน ในข้อหา
มียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อเสพ ส่วน
นายเสน่ห์ หรือนายต๋อง กับนายภัทรพล หรือนาย แบงค์ ในข้อหา
ร่วมกันมายาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย จำนวน
1,614 เม็ด และร่วมกันมาอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวส่ง
พนักงานสอบสวน สภ.เมืองดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในขณะเดียวกันภรรยาหลวง ของนายเสน่ห์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า
ตนเองอยู่กินกับนายเสน่ห์ หรือนายต๋อง มากว่า 15 ปีและมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน
ต่อมาเมื่อประมาณ 1 ปีเศษ ทางนายเสน่ห์ ได้ไปติดพันกับผู้หญิงคนหนึ่ง
ซึ่งมีสามีอยู่แล้วตอนนั้นตนเองเพียงระแคะระคาย ก็พยายามห้ามปราบ
แต่ไม่เป็นผลซ้ำร้ายยังถูกทำร้ายตบตีและไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวอีกด้วย แม้กระทังเรื่องยาเสพติด
ก็เช่นกัน ตนเองก็พยายามห้ามปราบ ขอให้ทำงานด้วยความสุจริต
แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งเจ็บตัว และต้องมาเจ็บใจหนัก เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
นายเสน่ห์ สามี ได้ขอและนำ น.ส.ธิติมา หรือ จูน มาอยู่ในบ้านด้วย โดยนายเสน่ห์
บอกกับตนว่า แยกห้องนอนกันคนละห้อง ตนทนอยู่ก็เพราะลูก ยอมทุกอย่าง
แม้รถยนต์ก็ให้สามีใช้กับเมียน้อย ส่วนตนยอมตากฝนตากแดดไปไหนกับลูก จนวันนี้ก็มาถึง ทั้งคู่ต้องถูกจับกุมเพราะสิ่งผิดกฎหมายในที่สุด
...............................................................
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น