แรงงานชาวเมียนมาเปิดบ่อนลักลอบชนไก่ในสวนปาล์มไล่จับวุ่นรวบนักพนันไทย-ลาว 12 ราย

รูปภาพ
  แรงงานชาวเมียนมาเปิดบ่อนลักลอบชนไก่ในสวนปาล์มไล่จับวุ่นรวบนักพนันไทยลาว 12 ราย พบเปิดนานกว่า 5 เดือนมีชาวเมียนมาบริการอาหารเครื่องดื่มพร้อม โดยมีแรงงานผิดกฎหมายรวมอยู่ด้วย             วันที่ 23 มิ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ว่าเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. ของวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน ภ.จว.ชุมพร ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สมคะเน โพธิ์ศรี ผบก.ภ.จว.ชุมพร  พ.ต.ท.สุรพศ สุทธิเกิด รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.ชุมพร ,    นำโดย พ.ต.ท.วิวัฒน์ ฉิมมณี สว.กก.สืบสวนฯ   ด.ต.สมยศ ยังวัฒนา , ด.ต.วัชรพันธ์  ชูละออง.จ.ส.ต.อิสรพงษ์ อนุตรเวสารัชน์   จ.ส.ต.ภาณุวัฒน์ สูงสง่าวงศ์ และ จ.ส.ต.ก้องศักดิ์ ชูแก้ว ผบ.หมู่ กก.สืบสวน ภ.จว.ชุมพร        เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จังหวัดชุมพร นำโดย พ.ต.กอบศักดิ์ นาคหาญ จนท.ปฏิบัติการ ฝ่ายการข่าวฯ   จ.ส.อ.อรรถพล คลี่บำรุง จนท.ฝ่ายการข่าวฯ   จ.ส.อ.ธนวรรธน์  บรรจงศิริทัศน์ จนท.ฝ่ายการข่าวฯ และ จ.ส.อ....

คู่หูชาติพันธุ์โรฮิงญาหนีตายจากแคมป์พัก ข้ามชายแดนไทย-เมียนมา เข้าจ.ชุมพร

 

ชาวโรฮิงญาเดินเท้านาน 5 วัน หนีตายจากแคมป์พักเขตคุ้มครองชนกลุ่มน้อย ข้ามแดนเข้าพื้นที่ จ.ชุมพร เผยมีอีกกว่า 200 คน รอนายหน้าค้ามนุษย์ พาหนีข้ามแดนเข้าไทยไปประเทศที่สาม


        วันที่ 26 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากสายข่าวในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา บริเวณตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ว่าได้มีชาติพันธุชาวโรฮิงญา 2 คน ได้หนีออกจากแคมป์พักในเขตคุ้มครองของกองกำลังชนกลุ่มน้อย ในพื้นที่ชายแดนฝั่งประเทศเมียนมา ข้ามแดนเข้ามายังฝั่งประเทศไทย ตามช่องทางธรรมชาติ ผ่านเข้ามาในหมู่บ้านชายแดน บ้านสันตินิมิตร หมู่ที่ 10 ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา



         หลังจากนั้นได้มีราษฎรไทย พบเห็นและได้แจ้งให้ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 10 ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และผู้เกี่ยวข้องในท้องที่ ทหาร และหน่วยงานความมั่นคงรับทราบ พร้อมกับแจ้งตำรวจ สภ.ท่าแซะ นำตัวชาวโรฮิงญาทั้ง 2 คน ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย



        จากการตรวจสอบขณะนี้ชาวโรฮิงญาทั้ง 2 คน ยังถูกคุมขังอยู่ที่ สภ.ท่าแซะ เพื่อสอบสวนและส่งฟ้องศาลในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

          เบื้องต้นจากการสอบสวนทราบชื่อ นายบาเมาะ ซอพี อายุ 33 ปี และ นายซอลิมเจาะ อายุ 20 ปี ทั้งสองคนเป็นชาติพันธุ์ชาวโรฮิงญา สัญชาติเมียนมา ให้การว่าตนเองทั้งสองคนเริ่มแรกได้เดินทางมาจากรัฐยะไข่ โดยนั่งเรือมาขึ้นฝั่งที่ อ.ปกเปี้ยน และมาพักคอยที่แคมป์ของกองกำลังทหารกะเหรี่ยง ซึ่งอยู่ห่างจากแนวชายแดนไทย ด้าน ตำบลรับร่อ



 อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ประมาณ 60 กม.และยังมีชาวโรฮิงญาอีกกว่า 200 คน รอนายหน้าแก๊งค้ามนุษย์นำพาลักลอบข้ามแดน ซึ่งจะต้องมีการจ่ายเงินให้กับ นายอาจี สัญชาติชาวเมียนมา คนละ 45,000 - 50,000 บาท เพื่อนำพาลักลอบข้ามชายแดนประเทศไทย ด้านจังหวัดชุมพรและระนอง ไปต่อยังประเทศมาเลเซียและประเทศที่สาม


          ชาวโรฮิงญา ทั้ง 2 คนบอกว่า สาเหตุที่ต้องหนีออกจากแคมป์พักของกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อย เพราะยากจนไม่มีเงินจ่ายค่าหัวให้กับแก๊งนายหน้าค้ามนุษย์ และทนอยู่อย่างอดอยากหิวโซไม่ไหว จึงชวนกันหลบหนีฝ่าป่าดงและเทือกเขานาน 5 วัน ข้ามแดนเข้ามายังประเทศไทยดังกล่าว

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ คณะทำงานทางลับของ กอ.รมน.ภาค 4 และเจ้าหน้าที่สำนักสอบสวน 4 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงตรวจสอบพื้นที่ตามร้องเรียน พบว่าบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา มีกองกำลังชนกลุ่มน้อยอยู่ 2 กลุ่ม เป็นกองกำลังกะเหรี่ยง KTLA ตั้งฐานอยู่ใกล้กับชายแดนไทย ด้านตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และกองกำลังกะเหรี่ยง KNU ตั้งฐานอยู่ช่วงรอยต่อระหว่าง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร - อ.กระบุรี จ.ระนอง

           จากการตรวจสอบในเชิงลึกพบว่าบริเวณชายแดนด้าน ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร มีการปรับไถทำถนนเส้นทางลับเชื่อมต่อข้ามแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน มากกว่า 10 จุด โดยมีกลุ่มอิทธิพลจากกองกำลังชนกลุ่มน้อยติดอาวุธและกลุ่มอิทธิพลคนไทย และเจ้าหน้าที่รัฐบางคน บางกลุ่มในพื้นที่ ร่วมกันทำสิ่งผิดกฎหมาย มีตั้งแต่จัดสรรที่ดินฝั่งประเทศเพื่อนบ้านนับพันไร่ หลอกขายให้กับคนไทยราคาไร่ละ 50,000-60,000 บาท มีคนไทยมากกว่า 100 คน เข้าไปอยู่อาศัยทำการเกษตร มีการลักลอบขนสินค้าทางการเกษตร โดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร ลักลอบค้ามนุษย์ขนแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ ลักลอบนำพาชาวโรฮิงญาออกจากแคมป์พัก ข้ามชายแดนเข้าประเทศไทย ไปยังประเทศที่ 3 รวมทั้งยาเสพติด อาวุธสงคราม และสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ

       จากกรณีดังกล่าว หลังสื่อมวลชนนำเสนอข่าวตีแผ่อย่างต่อเนื่อง จนล่าสุด แคมป์พักชาวโรฮิงญา ที่อยู่ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 3-5 กม. ที่อยู่ในเขตคุ้มครองของกองกำลังชนกลุ่มน้อย ต้องย้ายถอยออกไปไกลจากชายแดนไทยประมาณ 60 กม.ดังกล่าว

      โดยชาวโรฮิงญาทั้งหมดในแคมป์พัก เขตคุ้มครองกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อย หากใครมีญาติที่มีฐานะดี ก็จะได้รับการว่าจ้างให้ลักลอบนำพาข้ามแดนไปยังประเทศที่ 3 ส่วนชาวโรฮิงญาที่ยากจน ก็จะถูกกักกันอยู่ที่แคมป์ต่อไป ไว้เป็นเครื่องมือข้ออ้างบังหน้าเรื่องการช่วยเหลือด้านมนุษยชน ของพวกแก๊งค้ามนุษย์ต่อไป.

.........................................


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หนุ่มก่อสร้างซดเหล้าขาววันละ 4 ขวดหายตัว 7 วันพบนอนจมโคลนป่าโกงกาง

ร.ท.ทหารเรือวัยเกษียณ เลือดร้อน ฉุนเพื่อนบ้านยิงผัวเจ็บเมียดับ

สลดใจ แม่พาลูกชายส่งรักษาบำบัด รพ.รัฐแต่ถูกปฏิเสธ สุดท้ายหลอนผูกคอดับ