กระบะเลี้ยวปาดหน้าเฟอร์จูนเนอร์ชนท้าย ก่อนลงมาชกต่อย กระบะเจอรุมสองชักปืนยิงเจ็บ
รถSUVบีบแตรไม่พอใจ
ถูกกระบะขับเลี้ยวปาดหน้ากลางสี่แยก อีกฝ่ายเบรกรถจนชนท้าย
ก่อนลงมาทะเลาะกลางสี่แยก กระบะเจอถูกรุมสอง คว้าปืนยิงใส่ ถูกคนขับเจ็บ
หลังก่อเหตุขับหนี แต่ไม่รอดถูกตำรวจชุดสืบ ตามรวบได้พร้อมปืนของกลาง
เมื่อเวลา 15.00
น.วันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ร.ต.อ.ชวกุล สิทธิศักดิ์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชุมพร
ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์ชนกันแล้วเกิดทำเลาะวิวาท จนเกิดยิงกันบริเวณสี่แยกหอนาฬิกา
ถนนปรมินทร์มรรคา อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย จึงรายงานต่อ
พ.ต.อ.ปัญญา ท้วมศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร ได้ทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ต.ปิยพล
ฉัตรภูมิ สว.สืบสวน สภ.เมืองชุมพร ร.ต.อ.ปรัชญา ชัยงาม รอง สว.กก.สส.3
บก.สส.ภ.8 และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน
สภ.เมืองชุมพร
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ บริเวณสี่แยกหอนาฬิกา ซึ่งอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเมืองชุมพร เพียง 300 เมตร พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน งบ xx ชลบุรี จอดอยู่ริมถนนสายปรมินทรมรรคา ทางไปปากน้ำชุมพร สภาพด้านหน้าบริเวณกันชนมุมด้านซ้าย ยุบเสียหายเล็กน้อย โดยมีนายเกรียงศักดิ์ ฯ อายุ 49 ปี และ
น.ส.กัญญาภัทร ฯอายุ 67 ปี ชาวจ.ชุมพร ซึ่งอุ้มหลานสาววัย 1 ขวบเศษ ไว้ในอ้อมกอด
ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนผู้บาดเจ็บคือนายสุริยาฯอายุ 31 ปี
ชาวจ.ชุมพร ถูกยิงเข้าที่บริเวณแขนซ้าย
ได้รับบาดเจ็บ พลเมืองดีได้นำตัวไปส่ง รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ แล้ว
โดยอาการปลอดภัยดี
สอบถาม น.ส.กัญญาภัทรฯทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ พวกตนกำลังจะพาหลานสาวไปเที่ยวปากน้ำชุมพร
โดยในรถจะมี นายสุริยา ซึ่งเป็นลูกจ้างที่ร้าน รับหน้าที่เป็นคนขับ
และมีนายเกรียงศักดิ์ นั่งด้านหน้าคู่คนขับ ส่วนตนนั่งเบาะหลังกับหลานสาว โดยรถได้ออกมาจากบ้านที่ ต.วังไผ่
ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุ ประมาณ 6 กม.จนมาถึงที่เกิดเหตุ
เป็นช่วงที่ไฟสัญญาณเขียวพอดี
น.ส.กัญญาภัทรฯ กล่าวต่อว่า รถของตนเอง วิ่งอยู่เลนขวาสุด เป็นช่องเลี้ยวขวาไปปากน้ำ แต่กำลังจะขับเลี้ยว อยู่ก็มีรถยนต์กระบะสีแดง ลักษณะเป็นรถรับจ้างประจำทางที่พบวิ่งในตลาดปากน้ำชุมพร ได้ขับเลี้ยวปาดหน้า แบบกระชั้นชิด จนนายสุริยา ต้องบีบแตรไล่ ช่วงนั้นรถกระบะคันดังกล่าวเบรกรถ ทำให้รถของตนชนท้าย เข้าบริเวณมุมที่ต่อยื่น
ออกมา ด้วยความโมโห นายสุริยา
ก็ได้ลงจากรถไปเพื่อจะต่อว่า โดยช่วงนี้ตนเองไม่เห็นชัดเจนมากนัก
มาเห็นอีกทีก็เกิดเหตุวิ่งไล่ชกต่อยกันแล้ว
และไม่นานคนขับรถกระบะก็ใช่อาวุธปืนไล่ยิง นายสุริยา และนายเกรียงศักดิ์
ที่ลงไปห้ามปราบที่หลัง
น.ส.กัญญาภัทรฯกล่าวต่อว่า หลังจากที่ก่อเหตุแล้คนขับรถกระบะ ก็ได้ขึ้นรถขับรถหลบหนี
มุ่งไปทางปากน้ำชุมพร ซึ่งทางนายเกรียงศักดิ์ ได้เอาโทรศัพท์มือถือ
ถ่ายทะเบียนรถไว้ได้ ก่อนจะโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว
ในที่ชาวบ้านร้านค้าในละแวกที่เกิดเหตุ
เล่าในทิศทางเดียวกัน ว่า รถยนต์ทั้งสองเฉียวชนกันตรงบริเวณสี่แยก
และทั้งคู่ก็ลงมาต่อว่ากันและเกิดทะเลาะถึงขั้นลงมือลงไม้
อีกฝ่ายซึ่งเป็นคนขับกระบะ เหมือนจะสู้ไม่ได้ จึงได้คว้าปืนออกมายิงดังกล่าว
ซึ่งนับว่าเป็นเหตุการณ์อุฉกรรจ์อย่างมาก ก่อเหตุกลางวันแสก และอยู่กลางเมืองชุมพร
ต่อมาทาง
พ.ต.ต.ปิยพล ฉัตรภูมิ สว.สืบสวน สภ.เมืองชุมพร
ได้ระดมกำลังออกติดตามเส้นทางที่คาดว่าคนก่อเหตุจะขับหนี
ประกอบกับให้อีกชุดไปเก็บกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุมาได้ พบว่า เป็นรถยนต์ยี่ห้อ
อีซูซุ หมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 10-1257 ชุมพร เป็นรถประจำทางสายท่าเทียบเรือประมงชุมพร-ตลาดปากน้ำชุมพร
และเจ้าของเดิมเพิ่งขายต่อให้กับ นายเจนณรงค์ ฯอายุ 38 ปี ชาวจ.ชุมพร
ซึ่งจากการติดตามจากกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางที่มุ่งไปทางปากน้ำชุมพร
จนพบว่าผู้ก่อเหตุ ได้ขับรถยนต์ไปเปลี่ยนที่ตำบลปากน้ำ
ก่อนจะขับรถยนต์กระบะสี่ประตูมุ่งไปทางตำบลหาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร
ก่อนจะเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านเพื่อนคนหนึ่ง
เจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังเฝ้าผู้ก่อเหตุอยู่ห่างๆ
พร้อมกับได้แจ้งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร
ขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดชุมพร ทันที่เพราะหวั่นจะหลบหนีไปอีก
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาล จังหวัดชุมพร ที่ จ.252/2568 ลงวันที่ 17 กรกฎาคม
2568 เข้าทำการจับกุมตัว ได้โดยละม่อม
ก่อนนำตัวพร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนพกสั้น ขนาด .22 โดยในแมกกระซีน
พบกระสุนถูกยิงไปแล้ว 3 ปลอกและ ยังไม่ได้ยิงเหลืออยู่อีก 6 นัด
และรถกระบะคันก่อเหตุ มาสอบปากคำที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชุดสืบสวนเมืองชุมพร
ซึ่งจากการสอบสวนนายเจนณรงค์
ได้ให้การรับสารภาพว่า ตนเองก่อเหตุยิงคนขับรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์จริง โดยยิงไป 3 นัด
โดยกะว่าจะให้โดนขา ส่วนสาเหตุที่ต้องยิงก็เป็นเพราะก่อนหน้านี้
ตนเองได้ขับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวมาจากสี่แยกปฐมพร
ซึ่งก็มาเส้นทางเดียวกันกับรถคู่กรณี ซึ่งก็ไม่ได้รู้จักกัน
จนกระทั่งมาถึงสี่แยกไฟแดงหอนาฬิกา
ตนมีเป้าหมายจะไปที่แปลงไม้ที่กำลังตัดอยู่พื้นที่ตำบลหาดทรายรี
ซึ่งก็ต้องเลี้ยวขวาไปทางปากน้ำ แต่ช่วงนั้นไฟเขียว ตนขับอยู่ช่องจราจรที่ 2
(ช่องกลาง)ซึ่งสามารถจะตรงหรือเลี้ยวซ้ายก็ได้ และเมื่อตนเองเลี้ยว
ก็ถูกรถด้านหลังบีบแตรใส่ โดยตนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้เบรกรถ ทำให้รถฟอร์จูนเนอร์พุ่งชนท้าย
นายเจนณรงค์
กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนเองก็เปิดประตูรถลงมา เช่นเดียวกับคนขับรถฟอร์จูนเนอร์
ก็ลงมาจากรถเช่นกัน แต่ไม่พูดพร่ำเพลงกระโดดถีบต่อยตน
และมีชายอีกคนเข้ามาร่วมรุมด้วย จนต้องวิ่งหนี
เพื่อจะไปที่ปั๊มน้ำมันที่อยู่ตรงข้าม แต่เป็นห่วงเมียและลูกที่อยู่ในรถ
กลัวว่าจะถูกทำร้าย ตนเองจึงได้ตัดสินใจเอาอาวุธปืนออกมา
ซึ่งอาวุธปืนที่พกมานั้นมีทะเบียนแต่เป็นของลุง
โดยนัดแรกยิงลงพื้นเพื่อห้ามไม่ให้เข้ามา และยิงไปอีก 2 นัด
กะว่าจะให้กระสุนเข้าขา แล้วตนก็ได้ขับรถหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ
จนมาถูกจับได้ในที่สุด
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา
“ พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน
ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควรและยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ
ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน ”นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
……………………………………………………
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น